iPhone 13 Pro Max คือโทรศัพท์รุ่นยอดนิยมรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีทุกอย่างที่คุณต้องการในราคาเริ่มต้นที่ 42,900 บาท มีจอแสดงผลอัตราการรีเฟรช 120Hz ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่เร็วที่สุดเทียบกับโทรศัพท์ทุกรุ่น และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยอดเยี่ยม
แต่สิ่งที่ทำให้รุ่นนี้โดดเด่นสุด ๆ ก็คือกล้องถ่ายรูปที่ได้รับการปรับปรุงใน iPhone 13 Pro Max ซึ่งเป็นกล้องที่ดีที่สุดที่ทีมงานของเราได้ทดลองใช้ คุณสามารถถ่ายวิดีโอในโหมด Cinematic กับเอฟเฟกต์โบเก้ที่สวยงามลงตัว เลือกถ่ายภาพพร้มฟิลเตอร์เรียลไทม์ด้วย Photographic Styles หรือจะใช้ถ่ายภาพระยะใกล้ด้วยโหมดมาโครแบบใหม่ผ่านกล้องมุมกว้างพิเศษ ก็สามารถเลือกใช้ได้อย่างสนุกสนาน
- Samsung Galaxy S23 Ultra
- #1
- iPhone 14 Pro Max
- #2
- OnePlus 11
- #3
- iPhone 13 Pro Max vs Samsung Galaxy S21 Ultra รุ่นไหนดีกว่ากัน
การปรับปรุงกล้องของ iPhone 13 Pro Max อย่างก้าวกระโดดยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ที่ใหญ่กว่าเดิม และการออกแบบโดยรวมที่แข็งแกร่งกว่า iPhone 12 Pro Max เรายังชื่นชอบขอบหน้าจอที่เล็กลงบนจอแสดงผล 6.7 นิ้ว ทำให้ใช้พื้นที่ได้มากขึ้น หากคุณต้องการโทรศัพท์ที่เล็กกว่าและยังมีคุณสมบัติที่เหมือนกันทั้งหมด ลองอ่านดูได้รีวิว iPhone 13 Pro
หากคุณกำลังมองหาอุปกรณ์ที่ราคาไม่แพง และไม่ได้จำเป็นต้องใช้เลนส์เทเลโฟโต้หรือจอแสดงผล 120Hz ลองดูรีวิว iPhone 13 และรีวิว iPhone 13 mini ขนาดกะทัดรัด
แม้ว่า Apple จะไม่ได้มีการปรับปรุงการชาร์จที่เร็วขึ้นและไม่มีระบบ Touch ID อย่างที่เราคาดหวัง โดยรวมแล้ว iPhone 13 Pro Max ก็ยังเป็น iPhone ที่ดีที่สุด และหนึ่งในโทรศัพท์ที่ดีที่สุดในตอนนี้
รีวิว iPhone 13 Pro Max: ราคาและวันออกวางจำหน่าย
คุณสามารถซื้อ iPhone 13 Pro Max ได้แล้วในราคาเริ่มต้น 42,900 บาทสำหรับพื้นที่จัดเก็บ 128GB หรือถ้าอยากได้เพิ่มเป็น 256GB ก็จะอยู่ที่ราคา 46,900 บาท หรือเลือกซื้อรุ่น 512GB ที่ราคา 54,900 บาท หรือเพิ่มเพื้นที่จัดเก็บสูงสุด 1TB ที่ราคา 62,900 บาท
อย่าลืมว่าคุณสามารถประหยัดเงินสำหรับการซื้อ iPhone 13 Pro Max หรือรุ่นใหม่รุ่นอื่น ๆ ได้อีกด้วยการแลก iPhone เครื่องเก่า ทีมงานของเราได้ติดตามราคา iPhone 13 ที่ดีที่สุด สำหรับผู้ที่สนใจโทรศัพท์รุ่นใหม่รุ่นนี้
- โทรศัพท์ราคาถูกที่ดีที่สุดสำหรับทุกงบประมาณ
- iPhone 13 กับ iPhone 12: มีความแตกต่างอย่างไรบ้าง
- iOS กับ Android: ระบบไหนที่เหมาะกับคุณ?
รีวิว iPhone 13 Pro Max: ตัวเลือกสีและดีไซน์
- สีเราชอบมากที่สุดคือสีเซียร์ร่าบลู
- กรอบเลนส์เล็กลงแต่หนักกว่า iPhone 12 Pro Max เล็กน้อย
สีที่ iPhone 13 Pro Max มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีกราไฟต์ สีทอง สีเงิน และสีเซียร์ร่าบลู ซึ่งเป็นสีที่เราชอบมากที่สุด อีกสีที่เราแนะนำคือสีกราไฟต์หากคุณต้องการอุปกรณ์ที่ดูเรียบหรู เป็นมืออาชีพ
ทางด้านดีไซน์ iPhone 13 Pro Max ยังใช้ขอบที่แบนแบบของ iPhone 12 Pro Max แต่มีลักษณะแตกต่างออกไปจากเดิมเล็กน้อย มุมจับภาพกว้างขึ้น ดังนั้นจึงมีการใช้พื้นที่ด้านหลังโทรศัพท์เพิ่มขึ้นเล็กน้อยสำหรับเลนส์กล้องทั้งหมด
ด้วยน้ำหนัก 8.46 ออนซ์ ทำให้ iPhone 13 Pro Max หนักกว่ารุ่นก่อน 8.03 ออนซ์อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นผลมาจากการที่ iPhone Pro รุ่นใหม่รุ่นนี้มีแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่าเดิม ทำให้น้ำหนักเพิ่มไปด้วย
สิ่งที่เราชอบคือขอบเลนส์บน iPhone 13 Pro Max เล็กกว่าเดิมบนจอแสดงผล เนื่องจาก Apple ย่อขนาดลงจากเดิมประมาณ 20% และยังใช้ Face ID ได้เหมือนเดิม แม้ว่าการปรับปรุงเหล่านี้จะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่ก็ทำให้ประสบการณ์การใช้งานโดยรวมราบรื่นขึ้น
แต่สิ่งที่เราค่อนข้างผิดหวังในการออกแบบของ iPhone 13 คือไม่มี Touch ID มาให้เลย ด้วยสถานการณ์ที่เรายังสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ การปลดล็อก iPhone ได้โดยไม่ต้องถอดหน้ากากคงจะเป็นสิ่งที่ดีมาก และยังช่วยให้รู้สึกสะดวกปลอดภัย
มีผู้ใช้บางคนให้ข้อมูลว่าโทรศัพท์ในตระกูล iPhone 13 มีปัญหาในการปลดล็อกด้วย Apple Watch ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการใช้งานขณะที่คุณสวมหน้ากากสำหรับผู้ที่มีอุปกรณ์ทั้งสองอย่าง ทั้งนี้ ทาง Apple ได้แจ้งว่ากำลังมีการปรับปรุงในส่วนนี้อยู่
- โทรศัพท์ Android ที่ดีที่สุดในตอนนี้
- iPhone 13 Pro vs iPhone 13 Pro Max: รุ่นไหนดีกว่า
รีวิว iPhone 13 Pro Max: กล้องถ่ายรูป
- เซ็นเซอร์ใหม่ที่ทำให้ภาพวง่างขึ้น
- กล้องซูมออปติคอล 3 เท่าและดิจิทัล 15 เท่า
- โหมดมาโครแบบใหม่
พื้นที่กล้องของรุ่น iPhone 13 Pro Max ได้รับการปรับปรุงให้กว้างขึ้น ทั้งกล้องหลัก f/1.5 ที่มีเซ็นเซอร์รับแสงใหม่สามารถทำให้ภาพสว่างขึ้นได้มากกว่า 49% เมื่อเทียบกับ iPhone 12 Pro Max และกล้องกว้างพิเศษ f/1.8 ที่กว้างขึ้นกว่าเดิมจาก f/2.4 เช่นกัน ทำให้คุณได้รับภาพแสงสว่างสวยและมุมมองที่กว้างขึ้น
การซูมบนรุ่นใหม่ก็ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นด้วย ตอนนี้เลนส์เทเลโฟโต้ของ iPhone 13 Pro Max สามารถซูมแบบออปติคอลได้ 3 เท่า เทียบกับ 2.5 เท่าของรุ่นที่แล้ว
นอกจากนี้ยังมีการอัปเกรดซอฟต์แวร์ ทำให้ iPhone 13 Pro Max สามารถจับภาพระยะใกล้ได้อย่างชัดเจนภายในระยะเพียง 2 เซนติเมตร ถ้าคุณเคยลองใช้ iPhone 12 Pro Max ถ่ายภาพระยะใกล้แล้วรู้สึกขัดใจกับผลลัพธ์ที่ได้ คุณจะพอใจกับกล้องใหม่ในรุ่นนี้
สีภาพที่ได้บน iPhone 13 Pro Max ยังมีความสดใสสวยงาม ทีมงานของเราได้ลองใช้ถ่ายภาพดอกไม้ ซึ่งมีสีสันสมจริง และยังเก็บรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน
อีกหนึ่งคุณสมบัติใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน iPhone 13 คือโหมดถ่ายรูป Photographic Styles ที่ให้คุณเลือกฟิลเตอร์าพได้อย่างเรียลไทม์ เพิ่มโทนเย็นหรือโทนสีอุ่นได้ตามที่ชอบ มีทั้งตัวเลือกสีมาตรฐาน สีอุ่น สีสดใส สีโทนเย็น ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้ว่าจะได้ภาพที่ถูกใจ
คุณภาพของรูปถ่ายที่ได้เป็นสิ่งที่น่าพอใจมาก ซึ่งสมกับที่ iPhone 13 Pro Max เป็นหนึ่งในโทรศัพท์กล้องสวยที่ดีที่สุดในตอนนี้และนำหน้าหลาย ๆ รุ่นในรายการ
ยิ่งการถ่ายภาพต้องใช้เทคนิคซับซ้อนเท่าไหร่ iPhone 13 Pro Max ก็ยิ่งทำให้ภาพออกมาสวยมากขึ้นเท่านั้น เพราะสามารถจับภาพได้อย่างคมชัด ในระยะที่เหมาะสม และยังทำให้สภาพแวดล้อมดูโดดเด่นมีมิติ ต่างกับรุ่นคู่แข่ง Galaxy S21 Ultra ที่ให้ภาพค่อนข้างแบน ไม่น่าตื่นเต้นสักเท่าไหร่
แม้ว่าการซูมของรุ่นนี้จะเพิ่มจาก 2.5 เท่าเป็น 3 เท่าสำหรับเลนส์เทเลโฟโต้ แต่ iPhone 13 Pro Max ก็ยังตามหลัง Samsung สำหรับการซูม ที่เห็นได้ชัดว่า S21 Ultra สามารถทำได้ดีกว่า ด้วยการซูมแบบดิจิทัลมากถึง 15 เท่า ทำให้ภาพที่ได้ดูคมชัดแม้ถ่ายในระยะไกล อย่างไรก็ตาม การซูมดิจิทัลของ iPhone 13 Pro Max ที่เป็นการซูม 15 เท่าเช่นกันก็เป็นการอัปเกรดจาก iPhone 12 Pro Max ที่ซูมได้ 12 เท่า
สำหรับคนที่ชอบถ่ายเซลฟี่ก็จะพอใจกับกล้องหน้าของ iPhone 13 Pro Max ที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ขึ้น ให้ภาพที่สว่างขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง iPhone 12 Pro Max ทั้งใบหน้าและเสื้อผ้าดูสดใสในกล้องของโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดรุ่นนี้ ต่างจากรุ่นเดิมที่จะมีเงาบางส่วน
ถ้าพูดถึงการถ่ายภาพมุมกว้างพิเศษ iPhone 13 Pro Max และ Galaxy S21 Ultra สามารถทำได้อย่างสูสีกัน คะแนนอาจจะเอนเอียงไปทาง iPhone มากกว่าเล็กน้อยเพราะเอฟเฟกต์และรายละเอียดภาพที่ได้
ทีมงานของเราได้ทดสอบ iPhone 13 Pro Max ในสภาวะที่มีแสงน้อยและลองใช้ถ่ายภาพดอกไฮเดรนเยียเพื่อดูรายละเอียดของดอกไม้ แม้ว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะไม่เป็นอย่างที่คาดหวังเท่าไหร่ แต่ภาพจาก iPhone รุ่นใหม่ก็ให้สีสันและความสว่างมากกว่า
รีวิว iPhone 13 Pro Max: การถ่ายวิดีโอและโหมด Cinematic
- โหมด Cinematic โฟกัสวัตถุได้อย่างลงตัวในภาพเคลื่อนไหว
- ซอฟต์แวร์ ProRes สำหรับการตัดต่อวิดีโออย่างสร้างสรรค์
คุณจะประทับใจกับการใช้โหมด Cinematic บน iPhone 13 Pro Max มากจนรู้สึกเหมือนผู้กำกับภาพยนตร์เพราะผลลัพธ์ที่ได้อย่างเป็นมืออาชีพ ทีมงานผู้ทดสอบของเราได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่นในการใช้โหมดนี้ พร้อมกับการใช้เอฟเฟกต์เบลอพื้นหลังที่ลงตัว ร่วมกับการปรับโฟกัสบนวัตถุอัตโนมัติ
นอกจากการถ่ายวัตถุแล้ว คุณจะยังสนุกกับการใช้โหมดนี้ถ่ายวิดีโอบุคคลระหว่างทำกิจกรรมต่าง ๆ กับเพื่อน ๆ หรือครอบครัวของคุณด้วย แน่นอนว่า iPhone 13 Pro Max ก็ยังให้เอฟเฟกต์ที่สวยงามน่าประทับใจเช่นเดิม
น่าเสียดายที่ความละเอียดของโหมด Cinematic จำกัดอยู่ที่ 1080p เท่านั้นใน iPhone รุ่นใหม่ทุกรุ่น ดังนั้นคุณจึงไม่สามารถอัดวิดีโอด้วยเอฟเฟกต์นี้บนความละเอียดที่มากกว่าได้
ถ้าคุณต้องการใช้ซอฟต์แวร์สำหรับการตัดต่อวิดีโออย่างสร้างสรรค์ ก็สามารถใช้ ProRes ได้บน iPhone 13 Pro Max รุ่นนี้ที่เป็นที่ชื่นชอบของมืออาชีพมากมาย คุณสามารถอัดวิดีโอผ่าน ProRes ได้สูงสุด 30 fps พร้อมความละเอียด 4K ทั้งนี้รุ่นที่รองรับการถ่ายด้วยความละเอียดนี้จะเป็นรุ่นที่มีพื้นที่จัดเก็บตั้งแต่ 256GB ขึ้นไปที่รองรับความละเอียด 4K เท่านั้น ส่วนรุ่นพื้นฐานที่มีพื้นที่ 128GB จะยังมีความละเอียดจำกัดอยู่ที่ 1080p เหมือนเดิม ซึ่งถ้าคุณต้องการใช้ ProRes ก็ควรตรวจสอบพื้นที่จัดเก็บที่เหลืออยู่ด้วย เนื่องจากไฟล์มีขนาดค่อนข้างใหญ่
ไม่ว่าคุณจะใช้งานแบบไหน ผลลัพธ์ที่ได้จาก iPhone 13 Pro Max จะให้คุณภาพประทับใจแก่คุณ ตั้งแต่ภาพธรรมชาติ สายน้ำ ท้องฟ้า ก้อนเมฆ ต้นไม้ ไปจนถึงการถ่ายภาพที่มีมิติคมลึกราวกับใช้ DSLR สำหรับคนที่ต้องการใช้การซูมระหว่างการถ่ายวิดีโอ คุณจะเห็นว่ามีภาพแตกเล็กน้อย ซึ่งเราหวังว่าจะมีการปรับปรุงใน iPhone รุ่นถัดไป
รีวิว iPhone 13 Pro Max: หน้าจอแสดงผล
- หน้าจอ ProMotion 120Hz ให้ภาพเคลื่อนไหวที่ราบรื่น
- สว่างขึ้น เหมาะสำหรับการใช้งานในกลางแจ้ง
การอัปเกรดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนจอแสดงผลของ iPhone 13 Pro Max คือการใช้จอแสดงผล ProMotion แบบใหม่ขนาด 6.7 นิ้วที่สามารถปรับขนาดอัตราการรีเฟรชได้แบบไดนามิกจาก 10Hz เป็น 120Hz ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมราบรื่น และคุณจะได้รับภาพเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลขึ้น
เมื่อลองใช้ iPhone 13 Pro Max และ iPhone 12 Pro Max สำหรับอ่านบทความเพื่อเปรียบเทียบกัน พบว่าการอ่านบนโทรศัพท์รุ่นใหม่นั้นง่ายกว่ามาก เมื่อเลื่อนหน้าจอก็มีการตอบสนองชัดเจนและรวดเร็ว
คุณสมบัตินี้ของหน้าจอยังทำให้คุณใช้งานด้านได้ดีขึ้นโดยรวมด้วย ทั้งการเลื่อนแอป การเข้าหน้าจอหลัก รวมทั้งแอปมากมายที่ใช้งานได้อย่างลื่นไหล เช่น เกมออนไลน์ยอดฮิตอย่าง Genshin Impact หรือ ROV คุณจะสามารถเคลื่อนไหวได้หลากหลายทิศทาง มอบประสบการณ์การเล่นเกมที่น่าตื่นเต้น
แม้ว่าแอปบางตัวบน iPhone 13 Pro Max และ iPhone 13 Pro จะมีปัญหากับการใช้การรีเฟรชหน้าจอที่ 120Hz ในปัจจุบัน ทาง Apple ก็กำลังปรับปรุงเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้
ข้อดีอีกของหน้าจอ iPhone 13 Pro Max คือความสว่างที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เราวัดค่าเฉลี่ยความสว่างได้กว่า 837 นิตด้วยการปิดระบบ Adaptive และ 1,038 นิต เมื่อเปิด Adaptive เทียบกับ iPhone 12 Pro Max ที่มีค่าเฉลี่ย 654 นิต และ Galaxy S21 Ultra ที่มีความสว่างสูงสุด 821 นิต
หน้าจอของ iPhone 13 Pro Max ยังมอบรายละเอียดที่คมชัดแม้กับภาพยนตร์ที่มีแสงน้อยอย่าง James Bond No Time to Die มีหลายฉากที่ค่อนข้างมืด แต่เราก็ยังเห็นรายละเอียดเอฟเฟกต์บนใบหน้าของ Rami Malek อยู่
รีวิว iPhone 13 Pro Max: อายุแบตเตอรี่และการชาร์จ
- หนึ่งในโทรศัพท์ที่มีอายุการใช้งานยาวนานที่สุด มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ 12 ชั่วโมง 16 นาที
- การชาร์จจำกัดที่ 20W และไม่มีพอร์ต USB-C
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ iPhone 13 Pro Max ในรีวิวฉบับนี้คืออายุการใช้งานแบตเตอรี่ ด้วยขนาดแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น และการปรับปรุงอื่น ๆ จากทางแบรนด์ ทำให้ iPhone 13 Pro Max รุ่นนี้สามารถใช้งานได้นานต่อเนื่อง 12 ชั่วโมง 16 นาทีจากการทดสอบแบตเตอรี่โดยทีมงานของเราที่ใช้อุปกรณ์ท่องเว็บผ่าน 5G อย่างต่อเนื่องที่ความสว่างหน้าจอ 150 นิต และจับเวลาจนกระทั่งแบตหมด
เทียบกับ iPhone 12 Pro Max ปีที่แล้ว ที่ใช้งานได้นาน 10 ชั่วโมง 53 นาที และ Galaxy S21 Ultra ที่ใช้ได้นาน 11 ชั่วโมง 25 นาที จะเห็นว่าแบตเตอรี่ของ iPhone 13 Pro Max นั้นดีมาก ๆ ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี่โทรศัพท์ที่ดีที่สุดในรีวิวรวมของเรา
น่าเสียดายที่การชาร์จเร็วยังไม่ดีนัก เพราะ iPhone 13 Pro Max มีพลังงานเพียง 50% เท่านั้นหลังจากชาร์จ 30 นาทีโดยใช้เครื่องชาร์จ UBC-C 20W ในขณะที่โทรศัพท์รุ่นอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกัน เช่น OnePlus 9 Pro และ Xiaomi 11T Pro สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ภายใน 30 นาทีหรือในเวลาที่น้อยกว่านั้น มีการชาร์จผ่าน MagSafe ที่ค่อนข้างสะดวก แต่ก็ยังช้าเช่นกัน โดยจำกัดที่ 15W
รีวิว iPhone 13 Pro Max: ระบบปฏิบัติการ iOS 15
- ดูวิดีโอและฟังเพลงพร้อมเพื่อน ๆ ผ่าน SharePlay
- ฟังก์ชัน Focus ที่ทำให้คุณทำงานได้โดยไม่เสียสมาธิ
แม้ว่า iOS 15 จะไม่ใช่การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจาก iOS 14 ในด้านวิดเจ็ต แต่ก็มีการอัปเกรดมากมายที่ทำให้คุณสนุกกับการใช้งานยิ่งขึ้น อย่างเช่น FaceTime ที่ได้รับการปรับปรุงคุณภาพเสียงและวิดีโอ และการอัปเดต iOS 15 ในอนาคตที่จะให้คุณได้เพลงหรือดูภาพยนตร์หรือรายการทีวีพร้อมกันกับเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัว มีฟังก์ชัน Shared With You ในการส่งข้อความเพื่อแชร์รูปภาพ บทความ และสื่ออื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น
เราชอบ Focus แบบใหม่ใน iOS 15 มาก เพราะเป็นระบบที่ช่วยให้คุณตั้งค่าการแจ้งเตือนได้ตามการใช้งาน ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดหรือเสียสมาธิ
นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงอื่น ๆ ใน iOS 15 เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ได้แก่ Safari ที่ออกแบบใหม่ (หลายคนอาจจะไม่ชอบแถบ URL ที่อยู่ที่ด้านล่าง แต่คุณสามารถเปลี่ยนได้) แอป Weather ที่มีคุณลักษณะครบถ้วนมากขึ้น และแอป Maps ที่มอบมุมมองบนท้องถนนที่ดีขึ้น รวมทั้ง Live Text ที่ช่วยจดจำข้อความผ่านกล้องได้แบบ Google Lens
รีวิว iPhone 13 Pro Max: ประสิทธิภาพการทำงาน
- ชิปเซ็ต A15 Bionic ที่เอาชนะ Android ทุกรุ่นบนท้องตลาด
- การปรับปรุงภาพกราฟิกที่น่าประทับใจ
ด้วยชิปเซ็ต A15 Bionic รุ่นใหม่ล่าสุด ทำให้ iPhone 13 Pro Max มีความรวดเร็วเป็นพิเศษ และน่าจะเป็นรุ่นที่เร็วที่สุดในตอนนี้ คุณจะสนุกกับการเล่นเกม Warp Drive ที่ให้ภาพลื่นไหล รวดเร็ว และแม้แต่การซูมก็ดูเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่น่าสนใจอย่าง Seek ซึ่งเป็นระบบการเรียนรู้ของ iPhone 13 Pro Max ที่ให้ข้อมูลพืชพันธุ์ต่าง ๆ รอบตัวคุณ
จากการทดสอบเกณฑ์มาตรฐานเปรียบเทียบคุณสมบัติของ iPhone 13 Pro Max กับ Android รุ่นคู่แข่ง พบว่า iPhone 13 Pro Max สามารถทำคะแนนได้ดีกว่าในการทดสอบ Geekbench 5 ทั้งมัลติคอร์ที่คะแนน 4,549 และซิงเกิลคอร์ที่คะแนน 1,720 เทียบกับคะแนนของ Galaxy S21 Ultra ที่ได้ 3,440 และ1,123 ตามลำดับ ในขณะที่รุ่นเก่าอย่าง iPhone 12 Pro Max มีคะแนน 4,111 และ 1,603 ตามลำดับ
ทั้งนี้ iPhone 13 รุ่นธรรมดาได้คะแนน 4,436 และ1,668 ตามมาติด ๆ ซึ่งเราเชื่อว่าคะแนนของรุ่น Pro Max มากกว่าเล็กน้อยเพราะมี RAM มากกว่า (แม้ว่าทาง Apple จะไม่ได้ระบุหน่วยความจำอย่างชัดเจนใน iPhone แต่ละรุ่น)
คุณยังมั่นใจได้ว่าภาพกราฟิกบน iPhone 13 Pro Max จะมีความสวยงามลื่นไหลกว่ารุ่นอื่น ๆ ด้วย จากผลการทดสอบบน 3DMark Wild Life สำหรับกราฟิก พบว่ามีความเร็ว 68.4 fps เทียบกับ iPhone 12 Pro Max ที่มีความเร็ว 54 fps และ Galaxy S21 Ultra ที่มีความเร็วเพียง 34 fps เท่านั้น
การตัดต่อวิดีโอบนรุ่นนี้ก็รวดเร็วกว่าเดิม iPhone 13 Pro Max ใช้เวลาเพียง 25 วินาทีเท่านั้น ในการแปลงไฟล์วิดีโอ 4K เป็น 1080p บนแอป Adobe Premiere Rush ซึ่งเร็วกว่าความเร็วของ iPhone 12 Pro Max ที่ 28.5 วินาทีเพียงเล็กน้อย แต่ใช้เวลาเร็วกว่าเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับ Samsung ที่ใช้เวลา 1:02 นาที
รีวิว iPhone 13 Pro Max:บทสรุป
iPhone 13 Pro Max เป็นรุ่นที่ได้รับคะแนน 5 ดาวจากการทดสอบของเรา ซึ่งเป็นคะแนนที่มีน้อยรุ่นที่ได้ ในรุ่นใหม่รุ่นนี้ คุณจะได้รับกล้องถ่ายรูปที่สวยคมชัด และการบันทึกวิดีโอที่เป็นมืออาชีพ รวมทั้งโหมด Cinematic และโหมดมาโครที่น่าประทับใจ จอแสดงผล 120Hz ก็มีประสิทธิภาพดี ตอบสนองรวดเร็ว และยังมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดียิ่งขึ้นด้วย โดยรวมถือเป็นคุณสมบัติที่ดีที่สุดจากโทรศัพท์รุ่นยอดนิยมที่รองรับการใช้ 5G
การซูมออปติคอล 3 เท่า และซูมดิจิทัล 15 เท่าได้รับการปรับปรุงบน iPhone 13 Pro Max พร้อมกับหน้าจอที่สว่างกว่าและขอบหน้าจอที่เล็กลง สิ่งที่เราอยากให้ทาง Apple ปรับปรุงคือการชาร์จที่เร็วขึ้น รวมทั้งการออกแบบที่ทันสมัยขึ้นบน iPhone 14 รุ่นถัดไป ที่มีพื้นที่หน้าจอมากกว่าเดิม และเลนส์กล้องที่เล็กลง
หลายคนอาจจะชอบ iPhone 13 Pro มากกว่า เพราะมีขนาดเล็กกว่าและน้ำหนักเบากว่า ส่วนฟังก์ชันอื่น ๆ ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนักระหว่างทั้งสองรุ่นนี้ แต่ถ้าคุณชอบเครื่องที่มีหน้าจอใหญ่ แบตเตอรี่ยาวนานขึ้น iPhone 13 Pro Max ก็เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ
สรุปคุณสมบัติ
iPhone 13 Pro Max มีคุณสมบัติครบถ้วน ทั้งกล้องถ่ายรูปที่สวยงาม หน้าจอ ProMotion อัตรารีเฟรชไดนามิก 120Hz และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานที่สุดในการทดสอบของเรา แม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องการชาร์จที่ไม่เร็วเท่าที่ควร และ Face ID ไม่สามารถใช้ร่วมกับหน้ากากได้ แต่โดยรวมก็มีคุณสมบัติพิเศษมากมายที่เหนือกว่าทุก ๆ รุ่นในปัจจุบัน
สิ่งที่เราประทับใจ
- กล้องโทรศัพท์ที่ดีที่สุด
- ประสิทธิภาพการทำงานยอดเยี่ยมมาก
- โหมดวิดีโอ Cinematic, หน้าจอที่สว่างขึ้น
- อายุแบตเตอรี่ยาวนานกว่าเดิม
สิ่งที่ควรปรับปรุง
- การชาร์จที่ควรเร็วขึ้น
- โหมด Cinematic จำกัดความละเอียดที่ 1080p