Samsung Galaxy S22 Ultra มาในดีไซน์โฉบเฉี่ยวพร้อมกับปากกา S-Pen ในตัว จอแสดงผลที่สว่างขึ้น และการปรับปรุงกล้องแบบจัดเต็ม
รีวิว Galaxy S22 Ultra นี้พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่า Samsung รู้ใจลูกค้าตัวเองที่สุด เพราะสุดยอดโทรศัพท์รุ่นนี้ถูกเพิ่มฟีเจอร์สุดปังเข้ามามากมายและอัปเกรดจุดอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน แน่นอนว่าที่ถูกพูดถึงมากที่สุด น่าจะเป็นเรื่องการมีปากกา S-Pen ในตัว แต่จริง ๆ แล้วมันยังมีข้อดีอีกมากที่จะพาโทรศัพท์รุ่นดังจาก Samsung ตัวนี้ขึ้นเป็นที่หนึ่งในใจหลาย ๆ คนรวมถึงเราด้วยได้
อย่างแรกที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ การตอบสนองของ S-Pen ที่ไวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะ Samsung ได้ลดความหน่วงของปากกาลง ทำให้การตอบสนองไวขึ้นถึง 70% จอแสดงผลก็สว่างและสีสดใสกว่ารุ่นอื่น ๆ ที่เราเคยทดสอบมา แถมยังได้ที่ชาร์จไว 45W อีกด้วย
จุดอัปเกรดที่เด่นสุดของ Galaxy S22 Ultra คงจะเป็นเรื่องของกล้องถ่ายรูป เพราะ Samsung กำลังพยายามอย่างหนักที่จะเบียด iPhone 13 Pro Max และ Google Pixel 6 Pro ตกบัลลังก์สมาร์ทโฟนที่มีกล้องถ่ายรูปดีที่สุด ด้วยการเพิ่มลูกเล่นและข้อปรับปรุงเข้าไปมากมาย รวมไปถึงการใช้เซ็นเซอร์หลักที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ถ่ายรูปในสภาพแสงน้อยได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเพิ่มเลนส์ Super Clear เข้าไป ทำให้ใช้ถ่ายภาพโหมดบุคคลที่มี AI คอยช่วยได้สวยขึ้นไปอีก
แต่การจะได้สมาร์ทโฟนดี ๆ มาใช้ ย่อมต้องแลกกับราคาที่สูงลิ่ว Samsung เองก็ตั้งราคาเริ่มต้นไว้ค่อนข้างแพง โดยมีราคาอยู่ที่ 39,900 บาท แถมหน่วยความจำ RAM ยังน้อยกว่ารุ่นก่อนหน้าและราคาสูงกว่าคู่แข่งหลายพันอีกต่างหาก
ว่าก็ว่าเถอะ ถ้ายึดตามการทดสอบของเราแล้ว Galaxy S22 Ultra ก็ยังคงรั้งตำแหน่งโทรศัพท์แอนดรอยด์ที่ดีที่สุดที่หาซื้อได้ตอนนี้ รวมไปถึงตำแหน่งโทรศัพท์ที่ดีที่สุดโดยรวมด้วย
- Samsung Galaxy S23 Ultra
- #1
- iPhone 14 Pro Max
- #2
- OnePlus 11
- #3
รีวิว Samsung Galaxy S22 Ultra: จุดอัปเกรด
- มีหน้าจอแสดงผลที่ทรงพลังที่สุด: หน้าจอ AMOLED ของ Galaxy S22 Ultra ไม่เพียงแต่จะสว่างกว่าจอของคู่แข่ง แต่ยังใช้งานในที่กลางแจ้งได้ดีมาก ๆ และปรับค่าความสดของสีได้กำลังพอดี
- ปากกา S-Pen ที่ตอบสนองไวขึ้น: Samsung ได้ลดค่าความหน่วงของปากกาลงถึง 70% ทำให้การเขียนและวาดรูปด้วย S-Pen บน Galaxy S22 Ultra ลื่นไหลประดุจเรากำลังขีดเขียนด้วยปากกาและกระดาษจริง ๆ อยู่ และมันมาพร้อมกับช่องเก็บในตัวด้วยนะ
- กล้องถ่ายรูปที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน (โดยเฉพาะเวลาถ่ายในสภาพแสงน้อย): ต้องขอบคุณ Samsung ที่ตัดสินใจใช้เซ็นเซอร์กล้องที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ Galaxy S22 Ultra ถ่ายรูปออกมาสว่างกว่า S21 Ultra มาก และโหมดถ่ายภาพกลางคืนทำงานได้ดีกว่า iPhone 13 Pro Max ในบางสถานการณ์
- สามารถใช้งานได้นานขึ้น: Samsung ให้สัญญาว่าโทรศัพท์รุ่นนี้จะยังสามารถอัปเดตการใช้งานทั่วไปได้อีก 5 ปี และอัปเดตระบบปฏิบัติการได้ 4 ปี ทำให้คุณสามารถใช้งานโทรศัพท์ตัวท็อปรุ่นนี้ไปได้อีกนาน
- ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ควรจะดีกว่านี้: เราทำการทดสอบความทนของแบตเตอรี่ระหว่างใช้โทรศัพท์ท่องเว็บและพบว่ามันใช้ได้ประมาณ 10 ชั่วโมง ซึ่งก็จัดว่าอยู่ในระดับที่ดีแต่ก็ยังใช้ได้สั้นกว่า iPhone 13 Pro Max ที่ใช้ได้นานเกิน 12 ชั่วโมง
- ดีไซน์โฉบเฉี่ยวและคงทน: ภายนอกของ Galaxy S22 Ultra ทำด้วยกรอบอลูมิเนียมและมีด้านหลังเป็นกระจก Gorilla Victus+ ที่สร้างความแข็งแรงให้กับตัวเครื่องอย่างเต็มที่ ในขณะที่ยังมีน้ำหนักเบากว่า iPhone 13 Pro Max โดยไม่ต้องมีรอยบากให้รำคาญตา แต่ก็อาจจะมีบางคนที่ไม่ชอบหน้าจอที่โค้ง ๆ เหมือนกัน
- ชาร์จไวที่ 45W (แต่ก็ไม่ได้ไวขนาดนั้น): โทรศัพท์รุ่นนี้ใช้เวลาชาร์จให้ได้ 67% อยู่ที่ 30 นาที ซึ่งก็ถือว่าไม่ได้เร็วกว่าการชาร์จที่ 25W มากเท่าไรนัก (58%)
รีวิว Samsung Galaxy S22 Ultra: ดีไซน์
Samsung Galaxy S22 Ultra มีรูปลักษณ์ที่เรียบง่ายแต่ก็สวยเลิศ ขอบจอที่เฉียบคมเป็นอะไรที่เราชอบมาก รวมไปถึงกล้องที่กลมกลืนไปกับด้านหลังของตัวเครื่อง ทำให้โดยรวมดูมินิมอล น้อยแต่ก็มากในเวลาเดียวกัน
อีกหนึ่งข้อดีคือ: จอแสดงผลขนาด 6.8 นิ้วที่โค้งมนเล็กน้อย ช่วยทั้งเพิ่มความสวยงามให้กับตัวเครื่องและป้องกันไม่ให้มือไปกดโดนจอโดยไม่ได้ตั้งใจ จะขอบ่นหน่อยก็ตรงที่บางทีพิมพ์หรือเลื่อนลูกศรไปขวาหรือซ้ายสุดค่อนข้างลำบาก และถึงหน้าจอจะใหญ่กว่าหน้าจอขนาด 6.7 นิ้วของ iPhone 13 Pro Max เจ้า S22 Ultra ก็ยังมีน้ำหนักเบากว่าที่ 228 กรัม เมื่อเทียบกับ iPhone 13 Pro Max ที่หนัก 240 กรัม
Galaxy S22 Ultra มีหลายสีให้เลือกซื้อ ทั้ง Phantom Black, Phantom White, Green และ Burgundy ปกติแล้วเราไม่ค่อยใช้เคสโทรศัพท์ เลยคิดว่าสีขาวน่าจะสวยสะดุดตาที่สุด
รีวิว Samsung Galaxy S22 Ultra: จอแสดงผล
Samsung อัปเกรดคุณภาพหน้าจอแสดงผลของโทรศัพท์รุ่น Galaxy S22 Ultra เป็นอย่างดี เช่นเดียวกันกับรุ่นที่ผ่าน ๆ มา หน้าจอแสดงผลมีรีเฟรชเรทแบบไดนามิกอยู่ที่ 120Hz ทำให้เลื่อนไปมาบนหน้าจอได้อย่างลื่นไหล แถมยังมีให้เปลี่ยนไปใช้รีเฟรชเรท 240Hz ด้วย ซึ่งน่าจะถูกใจคอเกมไม่ใช่น้อย
สองเรื่องที่อัปเกรดที่โดดเด่น คือ หน้าจอที่สว่างสุดที่ 1,750 นิต เรียกได้ว่าสว่างที่สุดเท่าที่เราเคยสัมผัสมา
และอีกเรื่องเด่นที่เกี่ยวข้องกับหน้าจอแสดงผลคือฟีเจอร์ใหม่อย่าง Vision Booster ที่ทำให้คุณสามารถปรับความสว่างหน้าจอได้ทันทีตลอดวัน แปลว่าคุณจะไม่ต้องมาเจอปัญหามองหน้าจอ S22 Ultra ไม่เห็นระหว่างอยู่กลางแจ้งและแดดแรง ๆ
และแน่นอนว่า Galaxy S22 Ultra ยังสร้างความประทับใจให้กับเราอย่างต่อเนื่องในการทดลอง ด้วยความสว่างหน้าจอสูงสุดที่ 1,359 นิต เทียบกับความสว่าง 1,038 นิตของหน้าจอ iPhone 13 Pro Max และ 842 นิตของหน้าจอ Google Pixel 6 Pro
นอกจากนี้แล้ว Galaxy S22 Ultra ยังเอาชนะคู่แข่งไปอย่างขาดลอยในการสร้างสีบนจอแสดงผล ด้วยคะแนน 137.5% และ 97.4% จากการทดสอบ sRGB และ DCI-P3 เทียบกับคะแนนของ iPhone 13 Pro Max ซึ่งอยู่ที่ 109.3%/77.4% และ Pixel 6 Pro ซึ่งอยู่ที่ 104.2%/73.8%
รีวิว Samsung Galaxy S22 Ultra: ปากกา S Pen
ปากกา S Pen ที่มาพร้อมกับเครื่อง Galaxy S22 Ultra จัดได้ว่าขีดเขียนได้ลื่นที่สุดเท่าที่เราเคยสัมผัสมา ซึ่งเป็นเพราะ Samsung ตัดสินใจลดความหน่วงในการตอบสนองลงจาก 9 มิลลิวินาทีเป็นแค่ 2.8 มิลลิวินาทีเท่านั้น แปลว่าคุณจะได้ใช้ปากกาที่ตอบสนองไวขึ้นถึง 70% เลยทีเดียว
และเรื่องที่น่าดีใจที่สุดก็คือคุณไม่ต้องหาซื้อเคสปากกามาเพื่อเก็บ S Pen อย่างเวลาใช้กับ Galaxy S21 Ultra อีกต่อไป เพราะรุ่นใหม่ล่าสุดนี้มาพร้อมกับช่องเสียบปากกาในตัวเครื่องเลย
และยิ่งไปกว่านั้น Galaxy S22 Ultra ใช้ AI ในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของมือผู้ใช้ทำให้ได้สัมผัสและความรู้สึกเดียวกับเวลาใช้ปากกาเขียนบนกระดาษ ซึ่งเวลาที่เราใช้ S Pen จดข้อความไม่เพียงแต่จะรู้สึกเขียนลื่นเท่านั้น แต่จะได้ยินเสียงขีดเขียนที่ให้ความรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังเขียนอยู่บนกระดาษจริง ๆ ด้วย
รีวิว Samsung Galaxy S22 Ultra: กล้องถ่ายรูป
เห็นได้ชัดเลยว่า Samsung พยายามอย่างมากที่จะผลักดันให้ Galaxy S22 เบียด Apple และ Google ไปคว้าตำแหน่งสมาร์ทโฟนที่มีกล้องถ่ายรูปที่ดีที่สุดมาให้ได้ แต่จากที่เราทดสอบมา กล้องมือถือของ S22 Ultra ให้รูปถ่ายที่คุณภาพดีมาก แต่ก็ยังไม่ได้ดีที่สุด
Galaxy S22 Ultra มีเซ็นเซอร์พิกเซลขนาดใหญ่ถึง 2.4um ทำให้จับแสงและรายละเอียดได้ดีขึ้น มีเลนส์ Super Clear Glass ที่ช่วยให้ถ่ายวีดีโอตอนกลางคืนได้โดยไม่เกิดแสงแฟลร์ และมีเลนส์อัลตร้าไวด์ความละเอียด 12MP ที่มาพร้อมกับเลนส์เทเลโฟโต้ความละเอียด 10MP ที่ใช้งานร่วมกันเพื่อให้คุณได้ซูมออปติคอลได้ถึง 10 เท่า และซูมสเปซได้ถึง 100 เท่า
Samsung ปรับปรุงระบบถ่ายภาพด้วยการประมวลผลคอมพิวเตอร์ภายในระบบของกล้องด้วยเช่นกัน ซึ่งเทคโนโลยี Adaptive Pixel ได้รวม 9 พิกเซลเป็น 1 เพื่อให้ได้ภาพที่ดีขึ้นเวลาถ่ายในที่มืด ระบบประมวลผล AI ที่ได้รับการปรับปรุง และการประมวลหลาย ๆ เฟรมในครั้งเดียวที่เร็วขึ้นถึง 4 เท่า
ไฮไลท์อื่น ๆ ของกล้องก็น่าจะเป็นฟีเจอร์ auto framing หรือการจัดเฟรมอัตโนมัติ ที่จดจำหน้าคนได้แตกต่างกันถึง 10 คน รวมไปถึงแอปพลิเคชัน Expert RAW ที่สามารถบันทึกไฟล์ RAW 16 บิตได้ เพื่อให้ผู้ใช้โทรศัพท์นำไปปรับแต่งภาพได้ตามใจชอบ
แต่ต้องอย่าลืมว่ากล้องของ Galaxy S22 Ultra จะถูกตั้งค่าเริ่มต้นไว้ที่โหมด screen optimizer ซึ่งจะช่วยปรับภาพถ่ายของคุณด้วยการแต่ง white balance สี ความสว่าง และอื่น ๆ ซึ่งถ้าเป็นแต่ก่อนเราคงแนะนำให้คุณปิดโหมดนี้ไว้เพราะมันอาจจะทำให้รูปดูเว่อร์เกินจนไม่สวย แต่ด้วยความที่มันถูกพัฒนามาอย่างดีใน Galaxy S22 Ultra เลยไม่เสียหายอะไรถ้าคุณจะเปิดใช้งานมัน
รีวิว Samsung Galaxy S22 Ultra: วีดีโอ
Galaxy S22 Ultra ถ่ายวีดีโอได้คมชัดสูงสุด 8K ที่ 24fps และด้วยโหมด Super Steady ที่ถูกปรับปรุงมาแล้ว ทำให้วิดีโอที่ได้ดูนิ่งมากจนน่าประทับใจ ที่จริงยังมีลูกเล่นอีกมากมายให้คุณจะได้สัมผัส เช่น โหมด Portrait Video
โดยโหมด Super Steady จะให้ความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ระดับ Full HD ที่ 60fps ซึ่งตอนเราทำการทดสอบก็ได้ฟุตเทจที่นิ่งดีมาก จะติดนิดหน่อยก็ตรงที่ภาพที่ได้จะมีสีค่อนข้างจืดไม่สดใสอย่างที่หวังไว้เวลาถ่ายธรรมชาติ
รีวิว Samsung Galaxy S22 Ultra: ประสิทธิภาพในการทำงาน
Samung Galaxy S22 Ultra จัดได้ว่าเป็นโทรศัพท์รุ่นแรก ๆ ที่ใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 1 ซึ่งเป็นชิป 4nm ที่ใช้ประสิทธิภาพการทำงานของ CPU และการประมวลผลกราฟิกที่ดีขึ้นกว่าเดิมมากจาก Qualcomm โดย Samsung จะใช้ชิป 4nm Exynos 2200 ของตัวเองในตลาดต่างประเทศ
ถึงแม้หน่วยความจำ RAM จะน้อยเพียงแค่ 8GB แต่ Galaxy S22 Ultra ทำงานได้ลื่นไหลอย่างไม่มีที่ติทั้งตอนเปิดและปิดแอปพลิเคชัน ที่จริงแล้วเราคิดว่า S22 Ultra สลับหรือปิดแอปได้ไวกว่า iPhone 13 Pro Max ด้วยซ้ำ
สำหรับคอเกมแล้ว S22 Ultra น่าจะเป็นโทรศัพท์เครื่องโปรดของคุณเลย เพราะมันจะทำให้คุณอินไปกับประสบการณ์การเล่นที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเกมแบบ Drive Club หรือ Call of Duty ตอนที่เราลองเล่นในบางโหมด ก็ไม่เจอปัญหาหน่วงหรือล่าช้าอะไร
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เราได้ลองทดสอบการเข้ารหัสวีดีโอโดยใช้แอป Adobe Premiere Rush โดยนำไฟล์วีดีโอที่ความละเอียด 4K มาแปลงเป็น 1080p ซึ่งเจ้า Galaxy S22 Ultra ก็ใช้เวลาเพียง 47 วินาทีในการแปลงไฟล์ ทำเวลาได้ดีกว่าที่รุ่นก่อนหน้าอย่าง S21 Ultra ซึ่งเคยทำไว้ที่ 1:02 นาที ในขณะที่ iPhone 13 Pro Max ใช้เวลาเพียง 25 วินาที และ Pixel 6 Pro ใช้เวลา 48 วินาทีใกล้เคียงกันกับ Galaxy S22 Ultra
ความจุข้อมูลของ Galaxy S22 Ultra เริ่มต้นขนาด 128GB แต่เราแอบคิดว่า Samsung ควรเริ่มต้นที่ 256GB ในราคา 39,900 บาทมากกว่า โดยตอนซื้อคุณเลือกได้ว่าอยากได้ความจุข้อมูลขนาดไหน 256GB, 512GB หรือ 1TB แค่อย่าลืมว่ามันไม่มีช่องต่อ microSD เพื่อเพิ่มความจุข้อมูล
และถ้าคุณต้องการสมาร์ทโฟนที่มีระบบเชื่อมต่อสัญญาณไร้สายที่ทันสมัย Galaxy S22 Ultra จะต้องเป็นลูกรักของคุณแน่ ๆ เพราะมันสามารถเชื่อมต่อกับสัญญาณ Wi-Fi 6E ได้ ซึ่ง Samsung แจ้งไว้ว่ามันเร็วกว่าสัญญาณ Wi-Fi 6 ถึง 2 เท่า
รีวิว Samsung Galaxy S22 Ultra: แบตเตอรี่และการชาร์จ
Galaxy S22 Ultra มีความจุแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างน่าพอใจที่ 5,000 mAH ซึ่งตาม Samsung อ้างว่าสามารถใช้งานได้นานเกิน 1 วันในการใช้งานทั่วไป เราจึงทำการทดสอบแบตเตอรี่ระหว่างใช้มือถือท่องเว็บผ่าน 5G ด้วยความสว่างหน้าจอ 150 นิต 2-3 ครั้ง
S22 Ultra สามารถใช้งานได้นานที่สุดถึง 10 ชั่วโมง 18 นาที ขณะใช้โหมด 60Hz ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีและเจ๋งกว่าระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่นานแค่ 7 ชั่วโมง 55 นาทีของ Google Pixel 6 Pro แต่ยังสู้ S21 Ultra ที่ใช้ได้นานกว่าที่ 11 ชั่วโมง 25 นาทีและ iPhone 13 Pro Max ที่ 12 ชั่วโมง16 ชนาทีไม่ได้
ถ้าคุณเปิดโหมดปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ (ซึ่งเพิ่มอัตราการรีเฟรชได้ถึง 120Hz) คุณจะสามารถใช้งาน S22 Ultra ได้นานประมาณ 8 ชั่วโมง50 นาที ซึ่งน้อยกว่าที่เราคาดการณ์ไว้
รีวิว Samsung Galaxy S22 Ultra: ข้อสรุป
Samsung Galaxy S22 Ultra เรียกได้ว่าเป็นโทรศัพท์แอนดรอยด์ที่ใช้งานได้หลากหลายและทรงพลังที่สุด มันมาพร้อมกับจอแสดงผลที่ดีงามที่สุดเท่าที่เราเคยทำการทดสอบมา แถมกล้องยังถูกปรับปรุงมาอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในแง่ของการถ่ายภาพในที่แสงน้อย และที่สำคัญเลยคือกล้องรุ่นนี้มีระบบซูมที่ยอดเยี่ยมและยากที่จะหารุ่นไหน ๆ มาเทียบได้
ถ้าถามว่าคุ้มไหมที่จะเสียเงินแพงกว่าซื้อ Google Pixel 6 Pro เกือบหมื่นบาท เพื่อให้ได้ Galaxy S22 Ultra มา เราคงให้คำตอบที่แน่นอนกับคุณไม่ได้ ข้อดีของ S22 Ultra คือมีหน้าจอที่สว่างกว่า ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่า และชิปประมวลผลที่ไวกว่า ส่วนการที่ S Pen ตอบสนองได้ไวและลื่นไหลขึ้นกว่ารุ่นก่อนนั้นไม่ได้เป็นข้อดึงดูดสำหรับผู้ใช้เท่าไรนัก ส่วน Pixel 6 Pro กินขาดเรื่องคุณภาพกล้อง
และแน่นอนว่าถ้าไม่เปรียบคุณสมบัติกับ iPhone 13 Pro Max ที่ประมวลผลได้ไวกว่า ใช้งานได้นานกว่า และถ่ายรูปได้สวยกว่า (ยกเว้นในสภาพแสงน้อย) S22 Ultra ก็คงไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เราก็ยังชอบดีไซน์สุดเท่และโฉบเฉี่ยวของ Galaxy S22 Ultra มากกว่า และคุณภาพของภาพที่ได้ขณะซูมก็ดีกว่าด้วย
โดยรวมแล้ว Galaxy S22 Ultra คือโทรศัพท์แอนดรอยด์ระดับพรีเมียมที่ดีที่สุด ดีถึงขั้นว่าอีกนิดนึงก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นโทรศัพท์ที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้