Samsung Galaxy Watch 4 มาพร้อมดีไซน์โฉบเฉี่ยว ซอฟต์แวร์ที่ชาญฉลาด และเซ็นเซอร์สุขภาพที่โดดเด่นจนทำให้การอัพเกรดครั้งนี้คุ้มค่าคุ้มราคากว่าสมาร์ทวอทช์รุ่นก่อนเสียอีก
Samsung Galaxy Watch 4 รุ่นนี้ให้ความรู้สึกคุ้นเคยแต่แตกต่าง (ในทางที่ดี) เพราะหน้าตาของสมาร์ทวอทช์ก็ดูคล้ายกับ Galaxy Watch รุ่นอื่น ๆ เพียงแต่มีการดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ซอฟต์แวร์ทำงานได้ดีเหมือนระบบปฏิบัติการ Tizen เดิม แต่ย้ายไปอยู่บนแพลตฟอร์ม Google Wear OS ใหม่ที่แม่นยำและใช้งานได้จริง
Samsung ถอดรุ่น “Active” ออกไปจากไลน์ผลิตภัณฑ์ล่าสุดแล้วแทนที่ด้วย Galaxy Watch 4 สมาร์ทวอทช์รุ่นเรือธงที่มีดีไซน์แบบสปอร์ต พร้อมกับ Galaxy Watch 4 Classic ที่มีความหรูหรามากกว่าตามแบบฉบับของ Samsung Galaxy Watch 3 ที่วางจำหน่ายไปเมื่อปีที่แล้ว
Galaxy Watch 4 มีเซ็นเซอร์สุขภาพแบบ 3-in-1 คือเซนเซอร์สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ เซนเซอร์สำหรับวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECGC) และเซนเซอร์สำหรับวิเคราะห์องค์ประกอบของร่างกาย ซึ่งนี่คือสมาร์ทวอทช์รายใหญ่รายแรกที่มีฟีเจอร์วิเคราะห์องค์ประกอบของร่างกาย (BIA) เลยทีเดียว ขอเดาว่า Apple Watch 7 ได้เห็นสเป็กนี้คงกำลังเหงื่อตกอยู่แน่ ๆ
และทั้งหมดนี้ทำให้ Galaxy Watch 4 คือสุดยอดสมาร์ทวอทช์สำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนของ Samsung อย่างไม่ต้องสงสัย
- Apple Watch Series 7
- #1
- Samsung Galaxy Watch 4
- #2
- Fitbit Sense
- #3
ราคาของ Samsung Galaxy Watch 4 และความพร้อมในการวางจำหน่าย
(ณ เวลาที่ปล่อยตัว)
Galaxy Watch 4 และ Galaxy Watch 4 Classic วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา
โดย Galaxy Watch 4 รุ่นบลูทูธ 40 มม. มาในราคาเริ่มต้นที่ 7,990 บาท Galaxy Watch 4 LTE 40 มม. ในราคา 10,900 บาท Galaxy Watch 4 Classic รุ่นบลูทูธ 42 มม. ในราคาเริ่มต้นที่ 11,900 บาท และ Galaxy Watch 4 Classic LTE 42 มม. ในราคา 13,900 บาท
Samsung Galaxy Watch 4 และ Samsung Galaxy Watch 4 Classic – มีอะไรต่างกันบ้าง
Galaxy Watch 4 — Galaxy Watch 4 Classic
ราคาเริ่มต้น : 7,990 บาท — 11,900 บาท
ขนาดที่มีให้เลือก : 40 มม. / 44 มม. — 42 มม. / 46 มม.
ขนาด : รุ่น 40 มม. : 40.4 x 39.3 x 9.8 มม. ; รุ่น 44 มม. : 44.4 x 43.3 x 9.8 มม. — รุ่น 42 มม. : 41.5 x 41.5 x 11.2 มม. ; รุ่น 46 มม. : 45.5 x 45.5 x 11.0 มม.
น้ำหนัก : รุ่น 40 มม. : 25.79 กรัม รุ่น 44 มม. : 30.05 กรัม — รุ่น 42 มม. : 46.49 กรัม รุ่น 46 มม. : 51.87 กรัม
ความจุแบตเตอร์รี่ : รุ่น 40 มม. : 247mAh ; รุ่น 44 มม. : 361mAh — รุ่น 42 มม. : 247mAh; รุ่น 46 มม. : 361mAh
สี : ดำ, เงิน, พิงค์โกลด์, เขียว — ดำ,เงิน
หรือพูดง่าย ๆ ว่า Galaxy Watch 4 และ Galaxy Watch 4 Classic มีสเป็กภายในที่เหมือนกันเป๊ะ ทั้งซอฟต์แวร์ Wear OS ที่ครอบเอาไว้ด้วย One UI ของ Samsung เซนเซอร์สุขภาพแบบ 3-in-1 ไปจนถึงดีไซน์หน้าปัดที่มีให้เลือกหลากหลาย เรียกว่าประสบการณ์ใช้งานซอฟต์แวร์ของทั้ง 2 รุ่นนี้เหมือนกันหมดทุกอย่าง
เพียงแต่ Samsung Galaxy Watch 4 Classic นั้นโดดเด่นด้วยวัสดุที่ดูหรูหรายิ่งขึ้น เช่น ตัวเรือนทำจากสแตนเลส สายหนัง และขอบหน้าปัดที่หมุนได้ อธิบายง่าย ๆ ว่ารุ่นนี้ก็เหมือนกับสินค้าในไลน์ ‘Edition’ ของ Apple Watch นั่นเอง เพียงแต่ Galaxy Watch 4 Classic ไม่ได้มีราคาแพงเท่า Apple Watch Edition ที่ตัวเรือนทำจากวัสดุระดับไฮเอนด์อย่างเซรามิกและไททาเนียม และแม้ว่า Galaxy Watch 4 Classic จะราคาสูงกว่ารุ่นมาตรฐานอยู่เกือบ 4,000 บาท แต่ราคาเริ่มต้นของรุ่น Classic ก็ยังถูกกว่าราคาเริ่มต้นของ Apple Watch 6 อยู่ดี
รีวิว Samsung Galaxy Watch 4 – ด้านการดีไซน์
Samsung Galaxy Watch 4 ทั้งสองรุ่นได้รับการออกแบบตัวเรือนใหม่ทำให้รอยต่อระหว่างกรอบไปจนถึงสายนาฬิกาดูกลมกลืนไร้รอยต่อ เม็ดมะยมทั้ง 2 ปุ่มออกแบบมาให้เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายื่นออกมาจากด้านข้างตัวเรือน แทนที่จะเป็นเม็ดมะยมแบบกลมเหมือนรุ่นก่อน
แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงด้านดีไซน์เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่โดยรวม Galaxy Watch 4 ยังคงดีไซน์ที่คล้ายคลึงกันกับ Galaxy Watch รุ่นก่อน ๆ โดย Galaxy Watch 4 Classic มาพร้อมขอบหน้าปัดที่หมุนได้ สามารถหมุนเพื่อเลือกหน้าที่จะใช้งาน หรือเลื่อนดูเมนูต่าง ๆ ได้ ตั้งแต่ Samsung Galaxy Watch เปิดตัวกรอบที่หมุนได้มา มันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของสมาร์ทวอทช์แบรนด์นี้ไปในทันที เช่นเดียวกันกับ S Pen ของ Galaxy Note
ดังนั้น ถ้าคุณเคยใช้ Galaxy Watch 3 มาบ่อยกว่า Samsung Galaxy Watch Active 2 แล้วล่ะก็ คุณอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวในการใช้งานกรอบบน Galaxy Watch 4 อยู่บ้าง แต่ด้วยกลไกนี้ทำให้สมาร์ทวอทช์รุ่นนี้บางลงกว่าเดิมมาก มันจึงเป็นอุปกรณ์ที่ทันสมัย ไม่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นนาฬิกาแบบเดิม ๆ อย่างแน่นอน
เราใส่มันตั้งแต่ไปยิมยาวไปจนถึงมื้อค่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรุ่นที่มีตัวเรือนสีเงินและพิงค์โกลด์ที่เราชอบเป็นพิเศษ (ตามความชอบส่วนตัว) เรายังชอบรุ่นสีเขียวที่เข้ากันได้ดีกับสีของ Samsung Galaxy Z Flip 3 แต่มีให้เลือกในขนาด 44 มม. เท่านั้น ส่วนตัวเราชอบรุ่น 40 มม. ที่สุด เพราะดูแล้วจะเหมาะกับขนาดข้อมือของเรามากกว่า แม้ว่าเพื่อนของเราจะให้ Galaxy Watch 4 Classic ขนาด 46 มม. มาลองใช้แล้วก็ตาม นอกจากนั้น เรายังชอบรูปลักษณ์ของจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้นอีกด้วย
รีวิว Samsung Galaxy Watch 4 – ข้อดี-ข้อเสียของระบบปฏิบัติการ Wear OS
ตั้งแต่เคยใช้ Wear OS มา เราคิดว่าซอฟต์แวร์ของ Samsung Galaxy Watch 4 มอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด แม้ว่าเราจะเคยโดนสับขาหลอกด้วยสมาร์ทวอทช์ที่ใช้ระบบ Wear OS รุ่นอื่นมาแล้ว (ตอนแรกก็ใช้ได้ดี แต่ซักพักก็เริ่มรวน) แต่ต้องยอมรับว่า Galaxy Watch 4 นั้นลื่นดีไม่มีสะดุด ซอฟต์แวร์ยังคงให้ความรู้สึกเหมือนระบบ Tizen แต่นั่นก็เป็นเรื่องดี เพราะสามารถปรับตัวมาใช้ระบบใหม่ได้ไม่ยาก สามารถสลับไปมาระหว่างแอปพลิเคชัน เมนู และหน้าการตั้งค่าได้อย่างลงตัว
การหมุนได้ยังคงมีไว้เหมือนในระบบ Tizen แถมด้วย Samsung Pay และ Samsung Health นอกจากนั้นยังมีแอปพลิเคชันคลาวด์ใหม่ของ Google (ซึ่งดู ๆ แล้วหน้าตาเหมือนกับ watchOS มาก แต่เราก็ให้อภัยเพราะใช้งานสะดวกดี) ที่มีโปรแกรมของ Google ให้เลือกใช้มากมาย แม้จะจำกัดโปรแกรมที่สามารถใช้งานได้อยู่บ้าง เช่น ไม่สามารถใช้งาน Google Assistant ได้ แต่โดยรวมก็ถือว่าดี
นาฬิการุ่นนี้สามารถใช้งาน Google Maps ได้ด้วย ซึ่งการที่สามารถดูแผนที่บนข้อมือได้ไม่ว่าจะเดินอยู่ในเมืองหรือกำลังขับรถอยู่ นั่นทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นมาก ทั้งหมดนี้คือฟีเจอร์เพิ่มเติมที่เราชอบบน Wear OS ใน Samsung Galaxy Watch 4
การที่ Samsung ครอบ Wear OS ไว้ด้วยระบบ One UI ทำให้ Galaxy Watch 4 เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับอุปกรณ์อื่น ๆ ของ Samsung ซอฟต์แวร์นี้สามารถโอนย้ายการตั้งค่าและเครื่องมือไปมาระหว่างสมาร์ทโฟนและสมาร์ทวอทช์ได้อัตโนมัติ One UI Watch มีคลังหน้าปัดนาฬิกาให้เลือกใช้มากมาย พร้อมด้วยชุดแก้ไขที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะของนักพัฒนา ตัวเลขที่ดูสะดุดตา แอนิเมชันรูปสัตว์ และความสลับซับซ้อนของสีทำให้เรานึกถึง Android 12 ที่เป็นหน้าปัดที่เราเลือกใช้อยู่บ่อย ๆ
รีวิว Samsung Galaxy Watch 4 – การวิเคราะห์องค์ประกอบของร่างกาย
Samsung ได้พัฒนาเซ็นเซอร์วัดสุขภาพแบบใหม่สำหรับ Galaxy Watch 4 โดยผสมผสานการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (PPG) เครื่องอ่านคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) และการวิเคราะห์องค์ประกอบร่างกาย (BIA) เข้าด้วยกัน เซ็นเซอร์ 3-in-1 นี้จะอยู่ใกล้กับผิวหนังมากกว่าเซ็นเซอร์สุขภาพของ Galaxy Watch รุ่นก่อนหน้า
การวัด BIA ถือเป็นไม้เด็ดที่สำคัญ มันทำงานคล้ายกับเซนเซอร์ที่พบได้ในเครื่องชั่งอัจฉริยะที่ดีที่สุด โดย BIA จะส่งกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ผ่านร่างกายเพื่อวิเคราะห์เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย ดัชนีมวลกาย (BMI) มวลกล้ามเนื้อ มวลกระดูก เปอร์เซ็นต์น้ำในร่างกาย ฯลฯ การอ่านค่า BIA ทำได้รวดเร็ว เพียงแค่ใช้นิ้วแตะปุ่มเม็ดมะยมเป็นเวลาประมาณ 15 วินาที โดยที่นิ้วของคุณจะต้องไม่แตะโดนผิวหนังที่ข้อมือไปด้วย ซึ่งก็ดูยุ่งยากเล็กน้อย ดังนั้นเราจึงทำคู่มือวิธีการใช้การวัด องค์ประกอบของร่างกายด้วย Samsung Galaxy Watch 4 มาให้ด้วย
เมื่อใช้งานได้ถูกต้อง การวิเคราะห์องค์ประกอบร่างกายจะช่วยให้คุณเข้าใจว่าการเปลี่ยนอาหารหรือกิจกรรมต่าง ๆ ของคุณจะส่งผลต่อร่างกายอย่างไรบ้าง (ที่ไม่ใช่แค่น้ำหนัก) แต่มีเรื่องนึงที่ต้องระวัง คือไม่แนะนำให้ผู้ที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจหรือผู้ที่ตั้งครรภ์ใช้การวัด BIA ตัวเครื่องมักมีโหมดที่สามารถปิดการใช้งานการวิเคราะห์องค์ประกอบร่างกายได้ แต่สำหรับ Samsung นั้นกลับเอาง่ายเข้าว่า นั่นคือแค่แนะนำว่า ผู้ที่ไม่ควรใช้ก็ไม่ควรใช้
รีวิว Samsung Galaxy Watch 4 – การติดตามกิจกรรมและการออกกำลังกาย
เราทดลองใช้ Samsung Galaxy Watch 4 เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อติดตามการออกกำลังกายที่หลากหลายทั้งในร่มและกลางแจ้ง เราเริ่มทดสอบการออกกำลังกายด้วยการยกน้ำหนัก และเมื่อนาฬิกาเริ่มจับท่าทางการเคลื่อนไหว (เช่น การงอแขน การกดน้ำหนักลงกับที่นั่ง การยกด้านข้าง การดึงขึ้น) เรามีปัญหากับรอบการติดตามท่าทางการฝึกทั้งหมดเลย
Apple Watch มีตัวเลือกชนิดกีฬาที่ต้องการติดตามมากกว่าเล็กน้อย แต่ Galaxy Watch 4 มีตัวเลือกการออกกำลังกายที่เฉพาะเจาะจงมากกว่า คุณสามารถเพิ่มประเภทการออกกำลังกายเอาเองได้จากแอปพลิเคชัน Samsung Health บนสมาร์ทโฟน เพราะการตั้งค่าเริ่มต้นที่นาฬิกาให้มายังไม่ครอบคลุมการออกกำลังกายทุกประเภทนั่นเอง
ตอนที่เล่นโยคะ เราสังเกตเห็นว่าจำนวนแคลอรีของเราพุ่งสูงขึ้นมาก และอัตราการเต้นของหัวใจก็อัปเดตเร็วกว่าใน Galaxy Watch 3 ดังนั้นสำหรับการออกกำลังกายสั้น ๆ แต่เน้นไปที่อัตราการเต้นของหัวใจ เช่น การทำคาร์ดิโอ การที่นาฬิกาอัปเดตอัตราการเต้นของหัวใจถี่ขึ้นนี้มีประโยชน์กับเรามาก เพราะสามารถเห็นได้เลยว่าท่าโยคะแต่ละท่าส่งผลต่อร่างกายอย่างไรบ้าง
เราไม่สามารถมองไปที่ข้อมือในขณะปั่นจักรยานได้ (ไม่เหมือนเวลาทำท่าก้มหน้าตอนเล่นโยคะ) แต่โชคดีที่ Galaxy Watch 4 มีการอัปเดตระยะทางด้วยเสียงและการสั่นมาให้ด้วย รวมไปถึงการสรุปกิจกรรมสั้น ๆ ทุก 30 นาที ย้ำอีกครั้ง เราคิดว่าการนับแคลอรี่มันสูงเกินจริงไปหน่อย แต่ GPS สามารถจับจำนวนไมล์ได้แม่นยำดี
รีวิว Samsung Galaxy Watch 4 – การติดตามการนอนและความเครีย
Samsung ปรับปรุงการติดตามการนอนหลับใน Galaxy Watch 4 รุ่นนี้ด้วย โดยจะวัดออกซิเจนในเลือดทุก ๆ นาทีตลอดคืน ในขณะที่ Galaxy Watch 3 รุ่นก่อนจะวัดทุก ๆ 30 นาที การวัดค่า SpO2 ที่ถี่ขึ้นขนาดนี้จะช่วยบอกข้อมูลคุณภาพการนอนของคุณได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ยิ่งถ้าหากมีสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อกันได้วางไว้ข้างตัวขณะนอนหลับก็จะสามารถติดตามเสียงกรนของคุณได้ด้วย
เราไม่ใช่คนนอนกรนก็จริง แต่ก็ตื่นขึ้นมาในช่วงเช้ามืดครั้งละประมาณ 1 ชั่วโมงอยู่บ่อย ๆ ซึ่ง Galaxy Watch 4 ก็สามารถวัดการนอนให้เห็นเป็นกราฟได้ว่ามีการนอน 2 ครั้งแยกกัน และสามารถรายงานสรุปเวลาการนอนหลับทั้งหมดของคืนนั้นให้ดูได้อยู่ดี
เครื่องมือด้านการฟื้นฟูร่างกายอีกตัวที่น่าสนใจ คือ แอปพลิเคชันความเครียดที่สามารถวัดระดับความเครียดของคุณได้ ถ้าอยู่ในช่วงสีเขียวหมายถึงไม่มีความเครียด แต่ถึงจะไม่เครียดก็สามารถเข้าเซสชันการหายใจผ่อนคลายที่มีมาให้ในแอปพลิเคชันได้ด้วย ถึงอย่างนั้นเราคิดว่า Fitbit Sense ทำได้ดีกว่าในด้านการติดตามและการจัดการความเครียด แต่ความพยายามในการพัฒนาฟีเจอร์นี้ของ Galaxy Watch ก็ถือว่าทำได้ดี
รีวิว Samsung Galaxy Watch 4 – ความจุของแบตเตอร์รี่
เรื่องความจุแบตเตอร์รี่ถึงจะไม่ได้น่าผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้น่าประทับใจขนาดนั้น (มีข่าวลือว่าแบตเตอร์รี่อาจใช้ได้นาน 1 สัปดาห์) Samsung ประเมินว่า Galaxy Watch 4 จะสามารถใช้งานได้ 40 ชั่วโมงเมื่อใช้งานแบบทั่ว ๆ ไป
อย่างที่รู้กันว่าการที่ต้องชาร์จอุปกรณ์มือถือทุกวันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ส่วนสมาร์ทวอทช์และ fitness trackers ดีดีหลายรุ่นก็สามารถใช้งานได้หลายวันโดยไม่ต้องชาร์จแบต แต่ถึงอย่างนั้นถ้าไม่จำเป็นต้องหายเข้าป่าไปโดยไม่มีไฟฟ้าใช้เลย เราก็คงไม่เห็นถึงความแตกต่างระหว่างความจุของแบตเตอร์รี่ 40 ชั่วโมงกับหนึ่งวัน
ทั้งนี้เราหวังว่าอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy Watch 4 จะคงเส้นคงวามากกว่านี้ เพราะบางวันก็จำเป็นต้องชาร์จบ่อยกว่า 24 ชั่วโมงเสียอีก
รีวิว Samsung Galaxy Watch 4 – สรุป
ด้วยการพัฒนาดีไซน์ตัวเครื่องและระบบซอฟต์แวร์ใหม่ แถมพลิกโฉมวงการด้วยการเพิ่มการเซนเซอร์วัด BIA ทั้งหมดนี้ไม่ได้แปลว่าราคาจะต้องแพงขึ้นไปด้วย เพราะในความเป็นจริง Galaxy Watch 4 มาในราคาที่ต่ำลงด้วยซ้ำ
สิ่งที่เราคิดว่าควรปรับปรุงคือ บางครั้งเมื่อลองเปลี่ยนการตั้งค่าหลายอย่างพร้อม ๆ กัน ระบบก็ล้มเหลวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ครบทุกอย่าง เราคิดว่าอายุการใช้งานแบตเตอร์รี่ควรจะคงที่มากกว่านี้ รวมทั้ง Wear OS ที่ตอนเปิดตัวยังใช้งานฟีเจอร์ได้ไม่ครบทุกอย่าง นอกจากนั้นเรายังกังวลเรื่องความปลอดภัยของเซ็นเซอร์วัดองค์ประกอบร่างกายว่าอาจไม่ปลอดภัยกับผู้ใช้งานบางกลุ่ม
ในทางกลับกัน Samsung Galaxy Watch 4 สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทวอทช์เข้ากับอุปกรณ์อื่น ๆ ของ Galaxy ได้ดีมาก เหมือนกันกับที่ Apple ทำได้ดีนั่นเอง ดังนั้นหากคุณใช้มือถือของ Samsung อยู่แล้วล่ะก็ เราแนะนำให้ใช้สมาร์ทวอทช์รุ่นนี้ด้วยเช่นกัน