Xbox Series S เกมคอนโซลขนาดเล็กที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ
Xbox Series S เป็นหนึ่งในคอนโซลที่ดูแปลกตามากที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นมาในรอบหลายปี เป็นรุ่นที่ราคาไม่แพงและมีประสิทธิภาพน้อยกว่า Xbox Series X ที่เป็นรุ่นยอดนิยม และทำรายได้หลักให้ Microsoft สำหรับ Xbox Series S รุ่นนี้เป็นหนึ่งในเกมคอนโซลของ Xbox ที่เราคาดหวังว่าจะได้เห็นแน่ ๆ ในช่วงนี้ (เหมือนกันกับของเจ้าอื่น อย่างเช่น Wii Mini หรือ PS2 Slim) และนี่คือเกมคอนโซลเครื่องสีขาวเพรียวบางที่เปิดตัวในวันเดียวกันกับรุ่นพี่เครื่องใหญ่กว่า
ด้วยราคา 9,800 บาท ทำให้ Xbox Series S ราคาสบายกระเป๋ากว่า ตัดสินใจควักเงินซื้อได้ง่ายกว่าการซื้อ Xbox Series X ในราคา 16,200 บาท แต่ราคาไม่ใช่เรื่องเดียวที่ทำให้ Xbox Series S คุ้มค่าคุ้มราคา ซึ่งเราจะมาดูกันว่า Xbox Series S จะคุ้มค่าเงินของคุณหรือไม่ และที่สำคัญกว่านั้น จะยังคุ้มค่าคุ้มราคาได้ยาวนานตลอดอายุขัยของมันหรือไม่
- ดูรีวิวของ Playstation 5 – ดีกว่า Xbox ไหม
- X Box Series X
- #1
- X Box Series S
- #2
- Playstation 5
- #3
- ดูรีวิว Nintendo Switch คุ้มมั้ย
แม้เราจะไม่ใช่หมอดู ทำนายอนาคตไม่ได้ แต่เมื่อเรานำ Series S ไปใช้งาน เราได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วน และพบข้อดีหลายอย่าง แม้มันไม่ได้ทรงพลังเท่า Xbox Series X เมื่อเทียบกับ Series X เราพบว่าฮาร์ดแวร์ของมันทำงานได้จำกัด ประสิทธิภาพน้อยกว่า พื้นที่เก็บข้อมูลน้อยกว่า การเชื่อมต่อและเรื่องมีเดียต่าง ๆ ยังด้อยกว่า แต่มันก็เป็นเกมคอนโซลที่ทรงพลัง พร้อมเกมมากมายให้เลือกสรร นี่ยังไม่นับเรื่องที่สามารถสตรีมมิ่งได้อย่างง่ายดาย และไม่เกะกะกินพื้นที่บ้านของคุณอีกด้วย
- รีวิว Nintendo Switch OLED: เครื่องเล่นคุณภาพยอดเยี่ยม
เราแนะนำให้คนที่คิดจะซื้อ Xbox Series S คิดว่า การซื้อครั้งนี้เป็นการลองซื้อมาใช้ในฐานะเกมคอนโซลสำหรับผู้เริ่มต้น ไม่ใช่การซื้อเครื่องเดียวครั้งเดียวแล้วจบ ไม่ต้องซื้อใหม่อีกแล้วในชีวิตนี้ แล้วคุณจะประหลาดใจกับความสามารถของมัน แม้จะไม่ใช่เกมคอนโซลที่ทรงพลังที่สุดในตลาด (ถ้าอยากได้ของแรง ๆ อาจจะต้องมองหาพีซีสำหรับเล่นเกมที่ดีที่สุดสักเครื่องมากกว่า) แต่แกดเจ็ตเล็ก ๆ ที่มีเสน่ห์เครื่องนี้มีหลายสิ่งให้คุณเลือกใช้งาน ได้เวลาอ่านรีวิว Xbox Series S ของเราแล้ว
รีวิว Xbox Series S: ราคาและความพร้อมในการจัดจำหน่าย
Xbox Series S พร้อมให้เป็นเจ้าของได้แล้วตอนนี้ ราคาปัจจุบัน ณ เวลาที่เราเขียนรีวิวนี้ จะอยู่ที่ประมาณ 9,700 บาท และเมื่อเทียบกับสต็อกของ Xbox Series X เราพบว่า Xbox Series S แม้จะทรงพลังน้อยกว่ากลับมีสต็อกมากกว่า หาซื้อได้ง่ายกว่า
คุณยังสามารถเช่า Xbox Series S ได้โดยตรงกับ Microsoft ผ่านโปรแกรม Xbox All Access โดยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 810 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 24 เดือน และสามารถสมัครสมาชิก Xbox Game Pass Ultimate ที่ด้านบนของคอนโซลได้ ทั้งนี้การเช่าคอนโซลก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ถ้าคุณลองคำนวนราคาสุทธิ มันจะถูกกว่าการซื้อ Xbox Series S และ Game Pass Ultimate 24 เดือน อยู่เล็กน้อย
- PS5 กับ Xbox Series X กับ Nintendo Switch เครื่องไหนเป็นเครื่องที่เหมาะสำหรับคุณ
รีวิว Xbox Series S: อินเทอร์เฟซ
หากคุณเคยใช้อินเทอร์เฟซของ Xbox One มาก่อน คุณจะคุ้นเคยกับการใช้งาน Xbox Series S ได้ในทันที เพราะมันคล้ายกันมาก แม้ว่า Microsoft เพิ่งจะอัปเดตหน้าร้าน Xbox ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่อินเทอร์เฟซก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
เมื่อคุณเปิดเครื่องคอนโซลขึ้นมา คุณจะยังคงเห็นหน้าจอหลักพร้อมเกมและกิจกรรมล่าสุดทั้งหมดของคุณ เมื่อเลื่อนลงจะยังคงเห็นตัวเลือกของ Store, Media และ Game Pass เมื่อกดปุ่ม Xbox บนคอนโทรลเลอร์ คุณจะสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ของเกมและแอป ดูไลบรารีทั้งหมดของคุณ ดูการแจ้งเตือนของระบบ จัดการรายชื่อเพื่อนของคุณ ดูความสำเร็จของคุณ จัดการการตั้งค่า และอื่น ๆ ได้
บอกตามตรงเรื่องอินเทอร์เฟซเราไม่มีอะไรอธิบายมากนัก เพราะเท่าที่เราใช้งาน Xbox Series S อย่างละเอียด เรารู้สึกคุ้นเคยสุด ๆ เหมือนเคยใช้งานมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น แม้ไม่ใช่อินเทอร์เฟซที่สวยงามเป็นพิเศษ แต่มันสามารถพาคุณไปยังที่ที่คุณต้องการได้ ใช้เวลาไม่นาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเคยใช้ Xbox One มาแล้ว คุณจะสามารถเข้าใจอินเทอร์เฟซของ Series S ได้อย่างลึกซึ้งทันที ซึ่งเป็นข้อดีอย่างมาก
แม้อินเทอร์เฟซของ Xbox Series S จะไม่ได้หน้าตาสวยงาม แต่มันกฌถูกชดเชยด้วยประโยชน์การใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณพิจารณาจำนวนเกมที่คุณสามารถเข้าถึงได้ผ่าน Xbox Game Pass บนเกมคอนโซล (เช่นเดียวกับพีซีและอุปกรณ์มือถือ)
รีวิว Xbox Series S: พอร์ต
เช่นเดียวกับ Xbox Series X รุ่นนี้มีพอร์ตที่เรียบง่าย โดยด้านหน้ามีพอร์ต USB-A พร้อมด้วยปุ่มเปิดปิดและปุ่มจับคู่ และเนื่องจาก Series S ไม่มีดิสก์ไดรฟ์ แผงด้านหน้าส่วนที่เหลือจึงเป็นเพียงพื้นที่ว่าง ที่ด้านหลังมีพอร์ต USB-A อีก 2 พอร์ต คือ พอร์ต HDMI พอร์ต Ethernet และพอร์ตจ่ายไฟ ก่อนหน้านี้เราเดาว่าพอร์ต Ethernet จะหายไปสักครึ่งหนึ่ง เพราะมันเป็นแกดเจ็ตราคาประหยัด ดังนั้นเราเลยดีใจที่ Microsoft ให้พอร์ตทั้งหลายมาเหมือนเดิม
ข้อเสียที่เราไม่ชอบ ก็เหมือนกับของ Xbox Series X คือ มันไม่มีพอร์ต USB-C เพราะการซื้อเกมคอนโซลสักเครื่องนึง เราก็หวังว่าจะใช้งานมันได้นาน 5-7 ปี ดังนั้นสำหรับเราการไม่มีพอร์ต USB-C จัดว่าพลาดอย่างมาก เพราะ USB-C จะช่วยให้การชาร์จและถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ยังไม่ต้องพูดถึงอุปกรณ์เสริมสำหรับเล่นเกมใหม่ ๆ ที่มักใช้ USB-C dongles ด้วย แม้ว่า USB-A จะยังคงใช้งานในตอนนี้ได้อยู่ แต่การไม่มีพอร์ต USB-C ถือว่าพลาดอย่างมาก
รีวิว Xbox Series S: การออกแบบ
เมื่อเรานำ Xbox Series S ออกจากกล่องครั้งแรก มันเล็กจนเรายังตกใจ เกมคอนโซลเครื่องนี้มีขนาด 10.8 x 5.9 x 2.6 นิ้ว จึงมีขนาดเล็กกว่า PS5, PS4, Xbox Series X หรือ Xbox One อย่างมาก (ขนาดใกล้เคียงกับ Wii U แต่สามารถเล่นเกมได้มากกว่า)
งานออกแบบตัวเครื่องส่วนใหญ่จะเป็นสีขาว ยกเว้นช่องระบายอากาศทรงกลมสีดำที่ด้านบน ซึ่งตัดกันอย่างลงตัว มียางรองขาบนพื้นผิวแนวนอนและแนวตั้ง และมีการระบายอากาศที่ดี ไม่ว่าคุณจะปรับมันไปในทิศทางไหน
แม้ว่า “ขนาดที่เล็กมาก” อาจไม่ใช่จุดขายหลักของมัน แต่เราก็แปลกใจที่ขนาดของ Series S แตกต่างจากรุ่นอื่นมาก ดังนั้นแม้คุณมีจะอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงอันแน่นเต็มบ้านอยู่แล้ว ก็ยังสามารถหาพื้นที่เล็ก ๆ เพื่อวาง Series S รุ่นนี้ได้แน่นอน
เมื่อเราทดลองใช้ Series S เสร็จแล้ว เรายังได้ย้ายมันไปไว้ในห้องนอนด้วย โดยสามารถวางไว้ระหว่างชั้นวางทีวีกับขอบโต๊ะเครื่องแป้ง (ที่อัดแน่นไปด้วยเครื่องสำอาง) ได้สบาย เพื่อนของเราที่เคยปฏิเสธไม่ให้เอาเกมคอนโซลมาวางไว้ในห้องนอน เพราะขนาดที่มหึมาของพวกมันก็ยังโอเค ยอมให้เอา Series S มาวางในห้องนอนได้แล้ว
รีวิว Xbox Series S: ประสิทธิภาพ
Xbox Series S ไม่ได้ทรงพลังเท่า Xbox Series X หากคุณคุ้นเคยกับรายละเอียดฮาร์ดแวร์ของเกมคอนโซลทั้ง 2 รุ่น ก็จะเข้าใจว่าทำไม ซึ่ง Series X มี GPU ที่มีเอาต์พุตสูงสุด 12 teraflops, RAM 16 GB, ที่เก็บข้อมูล SSD 1 TB และดิสก์ไดรฟ์ 4K Blu-ray ส่วน Series S มี GPU ที่มีเอาต์พุตสูงสุด 4 teraflops, RAM 10 GB, ที่เก็บข้อมูล SSD 512 GB และไม่มีดิสก์ไดรฟ์เลย
เกมใน Xbox Series X ส่วนใหญ่จะทำงานที่ความละเอียด 4K และ 60 เฟรมต่อวินาที แม้ว่าบางเกมจะรองรับความละเอียดสูงสุด 8K และอัตราเฟรมสูงสุด 120 เฟรมต่อวินาที ส่วน Xbox Series S มีความละเอียดสูงสุดสำหรับการเล่นเกมที่ 1440p ส่วนความละเอียดที่ 120 fps ก็เป็นไปได้ในทางเทคนิค
ในระหว่างการทดสอบเกม โดยทั่วไปแล้ว Xbox Series X นำเสนอภาพที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ระยะการวาดที่ดีขึ้น และพื้นผิวมีรายละเอียดมากขึ้นเล็กน้อย นั่นเป็นข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวที่เราสังเกตเห็น แม้ว่าจะตั้งใจดูมาก ๆ แล้วก็ตาม
ใน Gears 5 ของ Series S ไม่ได้แสดงรายละเอียดในห้องมืดแบบที่ Series X ทำได้ แต่ใน open levels มันยังสามารถแสดงตัวละคร พื้นหลัง และไอเทมได้อย่างสวยงาม เช่น ในเกม Yakuza: Like a Dragon ภาพที่ได้จาก Xbox Series X จะคมชัดและมีสีสัน เห็นรายละเอียดของป้ายโฆษณาบนถนนเส้นกลางของ Yokohama ส่วนโมเดลตัวละครมีรูปร่างและมีรายละเอียดสมบูรณ์เหมือนใน Series S — และที่สำคัญอัตราเฟรมของทั้งสองรุ่นไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากการชะลอตัวเลย
ความแตกต่างที่เราเห็นได้ชัดที่สุดก็คือ Maneater ซึ่ง Series X มีสีที่ละเอียดและสมบูรณ์มากกว่าในภาพใต้น้ำ แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น เพราะเราได้ลองเล่นเกมทั้ง 2 รุ่นเพื่อดูความแตกต่างแล้ว พบว่าโดยทั่วไปแล้ว Series S จะขยายคอนเทนท์ให้เป็น 4K ได้อย่างสวยงาม และหากคุณมีจอแสดงผล 1440p อยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องขยายขนาดเลย
Xbox Series X ยังโหลดเนื้อหาเร็วขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่มากเท่าที่เราคาดไว้ ในทั้ง 4 เกมที่เราทดสอบ เราวัดเวลาในการโหลดเป็นวินาทีแทนที่จะเป็นนาที แม้จะเริ่มจากหน้าจอหลักไปยังไฟล์บันทึกโดยตรง โดยเวลาที่ใช้โหลดนั้นเร็วจนไม่สามารถหยิบโทรศัพท์ออกมาจับเวลาได้ทัน ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับว่าต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะโหลดหน้าจอไตเติ้ลของ Gears 5 ใน Series S แต่ใน Series X ก็ไม่ได้โหลดเร็วอย่างที่เราคาดไว้เช่นกัน
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวด้านประสิทธิภาพของ Series S คือในทีวี 1080p คุณจะได้ภาพที่เกือบจะเหมือนกับ Xbox One เลย แต่ Series S ทำได้ดีกว่า เพราะโหลดเนื้อหาได้เร็วกว่า Xbox One มาก และ Xbox One ก็ยังมีราคา 9,800 บาท ดังนั้น การเลือกซื้อ Series S จึงเป็นการซื้อที่คุ้มค่ากว่ามาก
รีวิว Xbox Series S: Quick Resume
Xbox Series S มีฟีเจอร์หนึ่งที่เราอยากรีวิวให้ฟัง นั่นคือ Quick Resume นวัตกรรมใหม่นี้มีอยู่ใน Series X ด้วย ฟีเจอร์นี้ทำให้คุณสามารถหยุดเกมได้หลายเกมพร้อมกัน แล้วจากนั้นก็สามารถสลับไปมาเพื่อเล่นเกมหลาย ๆ เกมได้ โดยไม่ต้องรีสตาร์ทแต่ละเกมและโหลดไฟล์บันทึกซ้ำ
หมายเหตุ: ฟีเจอร์นี้ไม่ใช่แบบทันทีทันใด และยังใช้ไม่ได้กับทุกเกม ในแต่ละครั้งก็ไม่สามารถหยุดพร้อมกันได้มากกว่า 4 หรือ 5 เกม ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฟีเจอร์นี้ยังมีผลต่อเนื่องอยู่ แม้จะปิดเครื่องไปแล้ว
Quick Resume ที่มีให้ใช้ในตอนนี้ยังไม่สมบูรณ์แบบ หลังจากรีสตาร์ทเครื่องแล้ว เกมของเราเกิดขัดข้องในบางครั้ง แปลว่าบางครั้งเราก็ต้องเริ่มโหลดซอฟต์แวร์ใหม่ตั้งแต่ต้น แต่มันเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ ถ้าคุณชอบกระโดดข้ามไปเล่นเกมทีละหลาย ๆ เกมในเซสชั่นการเล่นเดี่ยว (แต่มันก็จะไม่มีประโยชน์เลย ถ้าคุณไม่ได้มีสไตล์การเล่นแบบนี้)
รีวิว Xbox Series S: ตัวควบคุม
สิ่งหนึ่งที่ Xbox Series S ทำได้ดี ก็คือสามารถควบคุมได้มากขึ้นโดยใช้ตัวควบคุมน้อยลง ส่วนใหญ่แล้ว ตัวควบคุม Xbox Series S จะเหมือนกับ Xbox One คือ มีด้ามจับแบบกางออก 2 ด้าม, แท่งอนาล็อกที่โยกได้ 2 ฝั่ง, D-pad, ปุ่มหน้า 4 ปุ่ม, ปุ่มไหล่ 4 ปุ่ม, ปุ่มตัวเลือก 2 ปุ่ม และปุ่มเปิดปิด ทั้งหมดนี้ยังอยู่ในที่เดิมเป๊ะ
แม้หน้าตาจะดูเหมือนกันไปหมด แต่คุณจะสัมผัสถึงความแตกต่างได้ทันทีที่จับตัวควบคุม Xbox Series S ไว้ในมือ มันมีพื้นผิวเป็นแบบด้านและทนต่อเหงื่อได้มากกว่าเดิมเล็กน้อย ที่สำคัญกว่านั้น ด้ามจับมีพื้นผิวถึงด้านหลัง ซึ่งทำให้จับตัวควบคุมได้ง่ายขึ้นและสบายขึ้น นอกจากนี้ยังมีปุ่ม “แชร์” ที่กึ่งกลางของตัวควบคุม ซึ่งช่วยให้คุณถ่ายภาพหน้าจอและวิดีโอคลิปได้ เรายังไม่เคยใช้มันเลย แต่คุณควรลองใช้ดู
ข้อเสียข้อเดียวของตัวควบคุมนี้ คือมันยังใช้ถ่าน AA แทนที่จะใช้แบตเตอรี่แบบชาร์จซ้ำได้ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกว่าและประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าด้วย ทั้งนี้คุณสามารถซื้อแบตเตอรี่แบบที่สามารถชาร์จซ้ำได้มาใช้ แต่ก็เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับผู้ใช้งานโดยไม่จำเป็น ดังนั้น Microsoft จึงควรแก้ไขเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อถ่าน AA แต่ละชุดสามารถใช้งานได้แค่ประมาณ 30 ชั่วโมง เท่านั้น
รีวิว Xbox Series S: ความเข้ากันได้กับรุ่นก่อน
เช่นเดียวกับ Xbox Series X โดย Xbox Series S สามารถใช้งานร่วมกับ Xbox One ได้เกือบทุกอย่าง รวมไปถึง Xbox 360 และ Xbox ดั้งเดิมอีกหลาย 10 รุ่น
เมื่อเราทดสอบ Xbox Series S เราสังเกตเห็นปัญหาในด้านนี้อยู่บ้าง (แต่ไม่มีปัญหากับ Xbox Series X) เพราะ Series S ไม่มีดิสก์ไดรฟ์ Series S สร้างมาให้เหมาะกับการใช้งานของคนสมัยนี้ ที่การซื้อเกมดิจิทัลกลายเป็นเรื่องปกติมากกว่าแต่ก่อน แต่ในช่วงที่ Xbox One เริ่มวางจำหน่าย การซื้อเกมดิจิทัลยังไม่เป็นที่นิยมมากนักและเข้าถึงได้น้อยกว่า
อาจพูดได้ว่า ถ้าคุณสะสมเกมจนมีไลบรารีใน Xbox/Xbox 360 ขนาดใหญ่ ไลบรารีนั้นกลับไม่มีประโยชน์ทันที เพราะจะใช้งานไม่ได้ใน Xbox Series S ถ้ายังอยากเล่นเกมเหล่านั้นอีก คุณก็ต้องซื้อเกมเหล่านั้นอีกครั้งในรูปแบบดิจิทัล หรือหวังว่าเกมเหล่านั้นจะถูกเพิ่มลงใน Xbox Game Pass หรือเพิ่มงบแล้วซื้อ Xbox Series X แทน
ข่าวดีก็คือเกมดิจิทัลที่สามารถเข้ากันได้ Xbox Series S รุ่นนี้สามารถให้ผลลัพธ์ที่สวยงามขึ้น โดยมักมีความละเอียดและอัตราเฟรมที่ดีกว่ารุ่นก่อน
นอกจากนี้ รายชื่อเกมที่สามารถเข้ากันได้ยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย โดย Microsoft ได้เพิ่มเกม Xbox และ Xbox 360 ดั้งเดิมอีก 76 เกมลงในไลบรารี 37 คุณยังได้ประโยชน์จาก FPS Boost ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มอัตราเฟรมของเกม แม้จะไม่ได้ใช้งานโดยนักพัฒนาก็ตาม
รีวิว Xbox Series S: เกม
หากคุณอยากรู้ว่าสามารถเล่นเกมอะไรใน Xbox Series S ได้บ้าง ให้กลับไปอ่านหัวข้อ ความเข้ากันได้กับรุ่นก่อนอีกครั้ง นั่นคือทั้งหมดที่คุณจะเล่นได้ในไลบรารี่ โดย Series S จะมีรายชื่อเกมที่ถูกปรับให้เหมาะสมแล้ว 30 เกม บางเกม เช่น Assassin’s Creed Valhalla และ Dirt 5 จะเป็นแบรนด์ใหม่ แต่ทุกเกมในลิสต์ของ Microsoft ก็มีให้เล่นบน Xbox One, PC หรือ PS4
ทั้งนี้ Xbox Series S excels สามารถเชื่อมต่อกับ Xbox Game Pass ได้ สำหรับผู้ที่ยังไม่คุ้นเคย Xbox Game Pass ทำให้คุณสามารถดาวน์โหลดเกมยอดนิยมมากกว่า 100 เกม (รวมถึงเกมในเครือของ Microsoft first-party ทั้งหมด) ด้วยค่าบริการรายเดือนแบบคงที่ ตั้งแต่ 160 – 500 บาท
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณซื้อมา Xbox Series S แต่ไม่มีอะไรจะเล่นเลย ก็สามารถจ่ายเพิ่ม 500 บาท ต่อเดือน เพื่อซื้อ Xbox Game Pass Ultimate ซึ่งจะทำให้สามารถเล่นซีรี่ส์ Halo และ Gears of War ทั้ง Minecraft, Sea of Thieves, เกมผจญภัยสุดคลาสสิกของ LucasArts (รีมาสเตอร์), The Outer Worlds, Tales of Vesperia: Definitive Edition, Golf with Friends, Alan Wake, Batman: Arkham Knight, Enter the Gungeon และนี่เป็นเพียงส่วนน้อยของรายชื่อเกมยอดนิยมที่เราสามารถแนะนำเป็นการส่วนตัวได้ โปรดทราบว่าบางเกมอาจมีเรื่องพื้นที่ใน SSD มาเกี่ยว รวมถึง Stalker 2: Heart of Chernobyl ที่กำลังจะมาถึงด้วย
ด้วยการจ่ายค่าสมาชิกระดับ Ultimate ของ Game Pass คุณยังสามารถดาวน์โหลดเกมเหล่านี้ไปยังพีซี หรือสตรีมหลายเกมต่อไปยัง Android ได้ ข้อมูลการเล่นยังสามารถบันทึกได้ในทุกอุปกรณ์
รีวิว Xbox Series S: สรุปการรีวิว
ในการรีวิว Xbox Series S ของเรา เราได้พูดถึงเกมคอนโซลที่ทันสมัย มาในราคาจับต้องได้ง่าย เราคิดว่ารุ่นนี้เหมาะสำหรับนักเล่นเกมรุ่นใหม่ที่ไม่ได้เล่นจริงจังนัก หรือนักเล่นเกมที่มีงบจำกัด ต้องการเล่นเกมรุ่นใหม่ล่าสุด แต่ยังไม่พร้อมที่จะจ่ายในราคา 16,200 บาท หากคุณกำลังวางแผนที่จะซื้อ Xbox Series X (หรือมีพีซีสำหรับเล่นเกมที่ทรงพลังอยู่แล้ว) Series S จะเป็นเกมคอนโซลตัวสำรองที่ยอดเยี่ยม สำหรับใช้ในห้องนอนหรือในสำนักงาน โดยเฉพาะเมื่อไลบรารีและเกมสามารถบันทึกไฟล์ได้ทุกที่ที่เล่น
Xbox Series S เป็นรุ่นที่เหมาะกับคนเฉพาะกลุ่ม เกินกว่าจะแนะนำให้ทุกคนซื้อได้ หากคุณมีทีวี 4K ระดับไฮเอนด์ เราคิดว่าน่าจะเลือกซื้อ Xbox Series X มากกว่า และ Series S นั้นมีสเปกที่ต่ำกว่า อาจไม่พร้อมรองรับเกมที่จะออกใหม่ในอนาคต เนื่องจากเกมใหม่ ๆ อาจต้องการฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนการที่ไม่มีดิสก์ไดรฟ์ก็จำกัดความเข้ากันได้กับรุ่นก่อน ๆ และฮาร์ดไดรฟ์อาจจะเต็มเร็วมาก แต่ถ้าข้อจำกัดเหล่านี้ไม่ได้เป็นปัญหากับคุณ คุณก็สามารถประหยัดงบประมาณ สามารถซื้อเกมจำนวนมากได้ด้วยเงินเพียง 6,500 บาท
- PS5 กับ Xbox Series X กับ Xbox Series S: เปรียบเทียบขนาดคอนโซล