คู่มือการเลือกซื้อสมาร์ทวอทช์: รวบรวมข้อมูลที่คุณต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ
คู่มือการซื้อสมาร์ทวอทช์ฉบับนี้ จะพาคุณไปทำความรู้จักกับปัจจัยต่าง ๆ ที่สำคัญทั้งหมด สำหรับการพิจารณาเลือกซื้อสมาร์ทวอทช์ที่เหมาะกับการใช้งานของคุณ ไม่ว่าจะเป็น Apple Watch, Fitbit หรือผลิตภัณฑ์จากแบรนด์อื่น ๆ ที่เป็นรุ่นยอดนิยมในตลาดตอนนี้
สมาร์ทวอทช์ที่ดีที่สุดที่ทีมงานของเราได้ทดสอบนั้น ล้วนมีความโดดเด่นในแบบของตัวเอง และไม่ได้มีแค่รุ่นเดียว ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เทคโนโลยีที่รู้จักกันดีอย่าง Apple, Samsung และ Fitbit ไปจนถึงแบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกา Tag Heuer และ Fossil แต่ละแบรนด์มีสมาร์ทวอทช์ที่ส่งการแจ้งเตือน มีแอป และคุณสมบัติอื่น ๆ ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในรุ่นดังอย่าง Apple Watch 6 และ Samsung Galaxy Watch 3 จะมีความสามารถที่ล้ำหน้ายิ่งขึ้น
- อุปกรณ์ fitness tracker ที่ดีที่สุดที่เราทดสอบและจัดอันดับ
- เลือกซื้อสมาร์ทวอทช์สำหรับผู้หญิงที่ดีที่สุดในบทความนี้
แม้ว่าคุณสมบัติและการออกแบบจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น แต่สมาร์ทวอทช์ที่ดีจะช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มระดับการดูแลสุขภาพของคุณให้ดียิ่งขึ้น ส่วนใหญ่มีตัววัดระดับความแข็งแรงของร่างกายในตัว เช่น เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจและ GPS บางตัวสามารถใช้คู่กับโทรศัพท์ของคุณได้ ในขณะที่บางตัวจะเป็นอุปกรณ์ที่เน้นด้านสุขภาพโดยเฉพาะ เช่น Fitbit Versa 2 และ Samsung Galaxy Watch Active 2 เป็นต้น
สมาร์ทวอทช์บางรุ่น เช่น Apple Smartwatch สามารถทำงานแยกจากโทรศัพท์ได้ แต่ถ้าคุณต้องการอุปกรณ์ที่จะไม่มีการแจ้งเตือนมารบกวน การเลือกซื้ออุปกรณ์ fitness tracker อาจเหมาะกับคุณมากกว่า
ทีมงานของเราได้รีวิวตัวเลือกราคาประหยัดจำนวนหนึ่งด้วย เพื่อเทียบดูว่าสมาร์ทวอทช์ราคาถูกที่ดีที่สุดรุ่นไหน มีความคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุด ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะมีงบประมาณมากน้อยแค่ไหน มีเป้าหมายการออกกำลังกายที่เฉพาะเจาะจง หรือต้องการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็สามารถอ่านเคล็ดลับจากคู่มือการซื้อสมาร์ทวอทช์ฉบับนี้ได้ เพื่อตัดสินใจว่าคุณควรซื้ออุปกรณ์รุ่นไหนที่ตอบโจทย์ที่สุด
คู่มือการซื้อ Smartwatch: สรุปเคล็ดลับการเลือกซื้อ
ก่อนซื้อสมาร์ทวอทช์ ควรตรวจสอบว่ารุ่นที่คุณอยากซื้อสามารถใช้งานได้กับสมาร์ทโฟนของคุณก่อนเสมอ เพราะ Apple Watch จะใช้งานได้กับ iPhone เท่านั้น ส่วน Wear OS ของ Google และนาฬิกา Tizen ของ Samsung จะใช้งานได้กับทั้งโทรศัพท์ Android และ iPhone แต่จะมีคุณสมบัติน้อยกว่าการใช้กับอุปกรณ์ Android ด้วยกัน
- เลือกนาฬิกาที่มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจและ GPS (ติดตามการวิ่ง) หากคุณชื่นชอบการออกกำลังกาย
- เปรียบเทียบอายุการใช้งานแบตเตอรี่ สมาร์ทวอทช์แบบไฮบริดที่ดูเหมือนนาฬิกาแบบดั้งเดิมมักจะมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานที่สุด แต่จะไม่มีหน้าจอสัมผัส
- เลือกรุ่นที่ใช้งานหรือเปลี่ยนสายรัดได้ง่าย ควรเลือกรุ่นที่คุณสามารถหาสายรัดมาแทนได้
- การเลือกแอปบนอุปกรณ์เป็นปัจจัยหนึ่งที่ควรพิจารณา แต่ไม่ได้สำคัญมากนัก ควรดูที่ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์อื่น ๆ การออกแบบ และคุณสมบัติที่ใช้งานได้มากกว่า
คู่มือการซื้อ Smartwatch: การเลือกระบบ OS และการใช้งานกับสมาร์ทโฟน
เนื่องจากสมาร์ทวอทช์ส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้คู่กับสมาร์ทโฟน ความเข้ากันได้ของอุปกรณ์จึงมีความสำคัญมากในการเลือกซื้อ ตัวอย่างเช่น Galaxy Watch และ Galaxy Watch Active 2 ที่ขับเคลื่อนด้วย Tizen ของ Samsung จะใช้งานได้ดีกับโทรศัพท์ Android หลายเครื่อง และใช้กับ iPhone ได้ แต่คุณจะรู้สึกได้ใช้กับอุปกรณ์ Android ได้ดีกว่า โดยเฉพาะกับ Samsung
Fibit Versa 2 ทำงานได้ดีกับโทรศัพท์ Android และ iPhone โดยผู้ใช้โทรศัพท์ Android จะได้รับคุณสมบัติพิเศษ คือการตอบกลับข้อความได้อย่างรวดเร็ว
สมาร์ทวอทช์จาก Fossil, LG, Huawei และอื่นๆ ใช้ระบบ Wear OS ของ Google ซึ่งเข้ากันได้กับสมาร์ทโฟน Android มากที่สุด โดยมีบางรุ่นที่ใช้งานกับ iPhone ได้ แต่จะมีคุณสมบัติจำกัด หากคุณต้องการตรวจสอบว่าสมาร์ทโฟนของคุณใช้งานร่วมกับสมาร์ทวอทช์ของ Google หรือไม่ สามารถเข้าไปดูได้ที่ g.co/WearCheck จากเบราว์เซอร์ของคุณ
แน่นอนว่า Apple Watch จะใช้งานได้กับ iPhone เท่านั้น มีแอป Apple Watch ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้าบน iPhone ที่ทำงานเป็นร้านค้า watchOS App Store สำหรับผู้ใช้ คุณสามารถแอป iOS ที่คุณชื่นชอบหรือค้นหาแอปใหม่ ๆ สำหรับสมาร์ทวอทช์ของคุณได้ โดยมีตัวเลือกหลากหลายมาก ๆ ตั้งแต่เกม แอปติดตามการออกกำลังกาย ไปจนถึงส่วนขยายของแอปที่มีอยู่แล้วสำหรับการทำงาน เช่น ติดตั้งรับการแจ้งเตือนเพิ่มเติมจาก Slack หรือใช้ดูการ์ดบน Trello
สิ่งสำคัญที่สุด คือการซื้อสมาร์ทวอทช์ที่คุณมั่นใจว่าจะใช้งานได้กับสมาร์ทโฟนของคุณ
คู่มือการซื้อ Smartwatch: หน้าจอ OLED vs. หน้าจอ LCD
สมาร์ทวอทช์ส่วนใหญ่ใช้หน้าจอ LCD สีสันสดใสหรือจอแสดงผลแบบ AMOLED ทำให้คุณสามารถดูรูปภาพ เลือกแอป และใช้งานในรูปแบบอื่นๆ ได้ในสีสันที่สดใส และสว่างขึ้น ข้อเสียคือทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่สั้นลงเพราะกินพลังงาน แม้ว่าผู้ผลิตสมาร์ทวอทช์กำลังปรับปรุงประสิทธิภาพของอุปกรณ์ในส่วนนี้ และมีบางรุ่นที่ใช้งานได้หลายวัน หรืออาจจะเป็นสัปดาห์ แต่ถ้าต้องการใช้งานให้ยาวนานที่สุด ควรเลือกใช้จอภาพแบบขาวดำ
Smartwatch ที่มีราคาสูงขึ้น จะใช้หน้าจอ OLED ที่คมชัดแทนจอ LCD เพื่อให้ตัวเรือนบางกว่า Apple ได้พัฒนาจอแสดงผล OLED เพื่อให้ Apple Watch บางที่สุดตั้งแต่รุ่นแรก ในขณะที่ Samsung ได้สร้างสมาร์ทวอทช์หน้าจอ OLED ตัวแรก คือ Galaxy Gear ในปี 2013
คู่มือการซื้อ Smartwatch: หน้าจอระบบสัมผัส vs. หน้าจอธรรมดา
การเลือกหน้าจอบนสมาร์ทวอทช์ของคุณเป็นแบบสัมผัสหรือทัชสกรีนดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่การเลือกแอปหรือรายการบนหน้าจอสัมผัสขนาดเล็กก็เป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับหลาย ๆ คน เพราะบางรุ่นมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานไม่ราบรื่นนัก
ระบบ Wear OS มีระบบการแจ้งเตือนที่ดีในรูปแบบการ์ด ซึ่งคุณสามารถเลื่อนออกหลังอ่านจบได้อย่างง่ายดายด้วยการปัดหน้าจอ แต่การใช้แอปและตัวเลือกอื่น ๆ ภายในอุปกรณ์จะต้องมีการปัดหน้าจอหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม คุณสามารถสลับการ์ดต่าง ๆ ที่เปิดอยู่ได้ด้วยการสะบัดข้อมือ
Apple เลือกใช้วิธีที่แตกต่าง โดย Apple Watch มีการสั่งงานผสมกันทั้งหน้าจอสัมผัส ปุ่ม digital crown และปุ่มด้านขวา คุณสามารถใช้ digital crown ซูมอ่านเนื้อหา หรือเลื่อนได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่หน้าจอใช้ Force Touch ที่แยกแยะความแตกต่างระหว่างการแตะและการกดค้างได้อย่างแม่นยำ ส่วนการกดปุ่มด้านข้างจะนำคุณไปยังหน้าแอปที่ใช้บ่อย
Samsung Galaxy Watch และ Samsung Gear 3 มีกรอบที่คุณใช้หมุนเพื่อเลื่อนดูเมนูต่างๆ ได้ ร่วมกับการสัมผัส
คู่มือการซื้อ Smartwatch: การออกแบบและการปรับแต่ง
สมาร์ทวอทช์ที่ใช้งานได้ดีจะเป็นรุ่นที่มีสายรัดให้เลือกและ/หรือสามารถสลับเป็นสายแบบอื่นได้ นี่เป็นคุณสมบัติสำคัญหากคุณต้องการปรับแต่งอุปกรณ์ของคุณให้เข้ากับการใช้งานและสไตล์มากขึ้น
สมาร์ทวอทช์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีตัวเลือกสำหรับการปรับแต่งมากมาย ที่คุณสามารถตัดสินใจเลือกได้ก่อนซื้อ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเลือกสีและวัสดุของสายรัดได้ รวมทั้งสีของหน้าปัด พื้นผิว และขนาดนาฬิกา อย่างในรุ่น Moto 360 และ Apple Watch
ความสะดวกสบายในการสวมใส่ก็มีความสำคัญมาก เช่นเดียวกับการปรับกระชับสายนาฬิกากับข้อมือของคุณ แน่นอนว่าเราพยายามหลีกเลี่ยงสมาร์ทวอทช์ที่มีตะขอ เพราะจะทำให้ยุ่งยากในการใส่ ต้องใช้แรงมากเกินไปในการเปิดปิด โชคดีที่นาฬิการุ่นใหม่ส่วนใหญ่ใช้สายที่ปรับได้แบบมาตรฐาน
เราได้เห็นนาฬิกาสมาร์ทวอทช์มีหน้าปัดทรงกลมมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ดีไซน์ดูเหมือนนาฬิกาแบบดั้งเดิมมากขึ้น รุ่นที่ใหม่กว่าจะมีตัวเรือนบางลง และมีขนาดโดยรวมเล็กลง
แบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาก็เข้ามาตีตลาดด้วยอุปกรณ์ Android Wear ที่ผสมผสานสไตล์ของนาฬิกาอะนาล็อกเข้ากับระบบ Google มีแบรนด์ดังมากมายทั้ง Movado, Tag Heuer, Emporio Armani และแม้แต่ Louis Vuitton ที่พยายามพัฒนาสมาร์ทวอทช์ให้ล้ำหน้าขึ้น พร้อมกับสไตล์นำสมัย (ซึ่งราคาก็จะสูงขึ้นไปตามคุณสมบัติของนาฬิกาและแบรนด์นั้น)
คู่มือการซื้อ Smartwatch: แอปพลิเคชันในอุปกรณ์
ประเภทสมาร์ทวอทช์กำลังเติบโตและมีหลากหลายมากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้บางรุ่นมีแอปพลิเคชันนับร้อยพันแอปให้คุณใช้
เริ่มต้นด้วย Apple Watch ที่มีจำนวนแอปมากที่สุดกว่า 20,000 รายการ ที่รวมถึง ESPN, MapMyRun, Uber และแม้แต่ Rosetta Stone คุณสามารถทำทุกอย่างได้จากสมาร์ทวอทช์ของคุณ ตั้งแต่ควบคุมหลอดไฟ Philips Hue (และอุปกรณ์สมาร์ทโฮมอื่น ๆ) ไปจนถึงสั่งอาหารกลางวันผ่านแอปอย่าง Seamless
บน Apple Watch ยังมี App Store แบบพิเศษสำหรับติดตั้งแอปเหล่านั้นในระบบ iOS คุณสามารถเลือกซื้อแอป Apple Watch ที่ดีที่สุดได้จากรีวิวสรุปของเราเพื่อทำความรู้จักกับคุณสมบัติแต่ละรุ่น
ส่วน Wear OS ของ Google ก็มีแอปจำนวนนับพันที่ปรับให้เหมาะกับแพลตฟอร์มนี้เช่นกัน คุณสามารถติดตั้งแอปบนนาฬิกาได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านสมาร์ทโฟนของคุณก่อน บน Wear OS มีแอปเดียวกันกับที่ watchOS มีหลายแอปด้วยกัน รวมถึง Lyft สำหรับการเดินทางในบางประเทศที่ให้บริการ และ WhatsApp ที่ให้คุณตอบกลับข้อความด้วยเสียงของคุณ
ระบบปฏิบัติการอื่น ๆ เช่น Tizen OS ของ Samsung ยังมีแอปจำนวนจำกัด แต่ทางเลือกบน Tizen ก็มีจำนวนมากขึ้น
คุณสมบัติในการติดตามการออกกำลังกาย อัตราการเต้นของหัวใจ และ GPS
เมื่ออุปกรณ์ติดตามการออกกำลังกายเริ่มได้รับความนิยม ผู้ผลิตสมาร์ทวอทช์จึงเริ่มพัฒนาและผสมผสานฟังก์ชันการติดตามกิจกรรมต่าง ๆ เข้าไปในตัวด้วย บางรุ่นอาจจะต้องใช้สมาร์ทโฟนของคุณร่วมกับสมาร์ทวอทช์เพื่อการติดตามกิจกรรม แต่หลายรุ่นก็มีเครื่องนับก้าวในตัวที่ใช้ได้อย่างราบรื่น
หากคุณวางแผนที่จะใช้สมาร์ทวอทช์ในการออกกำลังกายเป็นหลัก คุณต้องการพิจารณาเลือกซื้อ fitness tracker ที่มีคุณสมบัติเหมือนสมาร์ทวอทช์ เช่น Fitbit Versa หรือผลิตภัณฑ์ในตระกูล Garmin Vivoactive ทั้งสองไลน์นี้ช่วยให้คุณเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาและอ่านการแจ้งเตือนได้ Versa ยังเพิ่มคุณสมบัติด้านสุขภาพของผู้มีประจำเดือน ที่ให้คุณบันทึกวันที่มีประจำเดือนและอาการ เปรียบเทียบรอบเดือนของคุณกับสถิติสุขภาพ เช่น การนอนหลับและกิจกรรมอื่น ๆ ได้ด้วย
อุปกรณ์ Wear OS ส่วนใหญ่มีเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจในตัว แต่เราพบว่าการใช้งานฟังก์ชันนี้จะแม่นยำมากกว่าบนเครื่องติดตามการออกกำลังกายโดยเฉพาะ เช่น Fitbit Charge 4 อย่างไรก็ตาม เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจของ Apple Watch ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความแม่นยำในการทดสอบของเรา
นอกจากเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจแล้ว บางรุ่นยังมี GPS ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวิ่งหรือปั่นจักรยานกลางแจ้ง และต้องการติดตามระยะทางและระยะฝีเท้าที่สม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม การใช้ GPS จะส่งผลโดยตรงต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ คุณจึงควรชาร์จอุปกรณ์ของคุณอย่างสม่ำเสมอ
การโทรเข้าออกและระบบการชำระเงิน
หากคุณต้องการโทรเข้าออกจากอุปกรณ์ของคุณ บางรุ่นจะมี LTE ในตัว ทำให้คุณวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ที่บ้านได้หากผู้ให้บริการเครือข่ายของคุณรับรองการใช้งาน เช่น ฟีเจอร์ NumberSync ของ AT&T และฟีเจอร์ NumberShare ของ Verizon ในประเทศสหรัฐอเมริกา ช่วยให้คุณใช้หมายเลขเดียวกันได้ทั้งบนโทรศัพท์และนาฬิกาของคุณ โดยไม่จำเป็นต้องมีโทรศัพท์ของคุณอยู่ใกล้ ๆ คุณอาจจะต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับการใช้งานบนสมาร์ทวอทช์ ซึ่งมีค่าบริการประมาณ 300 บาทต่อเดือน บริการนี้เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาหากคุณต้องการใช้ประโยชน์จากการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ
สมาร์ทวอทช์จำนวนมากมีชิป NFC อยู่ภายใน คุณจึงสามารถใช้สำหรับซื้อของได้ Apple Watch ทุกรุ่นเปิดใช้งาน Apple Pay ได้แม้จะไม่มี iPhone อยู่ใกล้ ๆ หรือไม่มีการเชื่อมต่อ LTE ในขณะที่นาฬิกา Wear OS ที่รองรับ Android Pay ได้แก่ LG Watch Sport, Huawei Watch 2 และ Tag Heuer Connected Modular 45 จะมีระบบชำระเงินมือถือของ Samsung คือ Samsung Pay ที่สามารถใช้งานได้บนสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ล่าสุดทั้งหมด
นอกจากนี้ แบรนด์ดังอย่าง Garmin และ Fitbit ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องนาฬิกาที่เน้นการออกกำลังกาย ก็ได้เพิ่มการชำระเงินผ่านมือถือไปยังอุปกรณ์รุ่นล่าสุดด้วย
อายุแบตเตอรี่และการชาร์จ
สมาร์ทวอทช์ส่วนใหญ่ที่มีหน้าจอสีมักจะอยู่ได้นานหนึ่งถึงสองวันต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (และบางรุ่นอาจจะน้อยกว่าหนึ่งวันด้วยซ้ำ) ดังนั้น คุณจะต้องพิจารณาว่าคุณสามารถชาร์จอุปกรณ์ของคุณได้บ่อยแค่ไหน
นาฬิกาที่มีความสามารถในการใช้เสียงสั่งงาน จะใช้งานได้ไม่นานมากนักเมื่อคุณใช้เป็นโทรศัพท์ แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ รุ่นยอดนิยมอย่าง Apple Watch สามารถใช้งานได้ประมาณ 18 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
สมาร์ทวอทช์ส่วนใหญ่ รวมถึง Apple Watch และ Samsung Gear Sport จะใช้การชาร์จแบบไร้สาย ซึ่งสะดวกสบายมาก คุณไม่จำเป็นต้องเสียบอุปกรณ์เข้ากับที่ชาร์จโดยตรง แต่ใช้การวางอุปกรณ์ลงบนแท่นชาร์จแทน
ระดับราคาของแต่ละรุ่น
ถ้าไม่ได้นับสมาร์ทวอทช์ราคาประหยัดหรืออุปกรณ์จากแบรนด์ที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่ สมาร์ทวอทช์ส่วนใหญ่จะมีราคาระหว่าง 3,000 บาท สำหรับรุ่นที่ค่อนข้างเก่า ไปจนถึงประมาณ 45,000 บาท สำหรับรุ่นพรีเมียมอย่าง Tag Heuer Connected คุณสามารถซื้อสมาร์ทวอทช์ได้หลายรุ่นในราคา 6,000 – 15,000 บาทได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและอุปกรณ์เสริมที่ได้
Apple Watch Series 5 มีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 12,000 บาท สำหรับตัวเรือนอะลูมิเนียมแบบพื้นฐาน สายซิลิโคน โดยไม่มี GPS ในตัว แต่ราคาจะเพิ่มเป็น 42,000 บาทหากเลือกซื้อเป็นเรือนเซรามิกหรือรุ่นพิเศษจากดีไซเนอร์ชื่อดัง
ลองตัดสินใจดูว่าคุณสมบัติการใช้งานแบบไหนจะตอบโจทย์ที่สุดกับช่วงงบประมาณที่คุณต้องการ