ProReview เป็นแพลตฟอร์มที่รองรับการใช้งานของผู้อ่าน เมื่อคุณซื้อสินค้าหรือบริการผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเรา เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นจากพันธมิตร อ่านเพิ่มเติม
วิธีเลือกรองเท้าวิ่งที่ดี ใส่สบาย กระชับเท้า
Pro Review » กีฬาและฟิตเนส » วิธีเลือกรองเท้าวิ่งที่ดี ใส่สบาย กระชับเท้า

วิธีเลือกรองเท้าวิ่งที่ดี ใส่สบาย กระชับเท้า

รองเท้าวิ่ง support การวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยรองรับรูปเท้าและรองรับน้ำหนัก เพื่อให้การวิ่งนั้นง่าย ปลอดภัย และสบายเท้าโดยไม่ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บใด ๆ แต่รองเท้าวิ่งนั้นคืออะไร และจะเลือกซื้ออย่างไรให้เหมาะกับรูปเท้า ในบทความนี้มีคำตอบ

Tips สังเกตลักษณะของเท้าเวลาวิ่ง

ตำแหน่งข้อเท้าทุกประเภท

Credit: proreview.co

 

หลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้ว่าลักษณะของเท้าเวลาวิ่งจะเป็นอย่างไร ในบทความนี้เรามีทริคเล็ก ๆ ในการสังเกตลักษณะเท้าขณะวิ่งมาฝากกัน

ลักษณะของการย่ำเท้าขณะวิ่งนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบ คือ

การย่ำเท้าวิ่งแบบ Underpronation

เป็นการวิ่งแบบทิ้งน้ำหนักไปที่บริเวณส้นเท้าก่อน และผ่านฝ่าเท้าด้านนอก ไล่ไปจนถึงปลายเท้า ผู้ที่ย่ำเท้าวิ่งแบบนี้เหมาะกับรองเท้าวิ่งประเภท Cushioned หรือมีพื้นรองเท้าที่รองรับกับแรงกระแทกได้ดี

การย่ำเท้าวิ่งแบบ Overpronation

เป็นการวิ่งย่ำเท้าแบบทิ้งน้ำหนักไปที่บริเวณส้นเท้าก่อน และผ่านฝ่าเท้าด้านใน ไล่ไปจนถึงปลายเท้า ผู้ที่ย่ำเท้าวิ่งแบบนี้เหมาะกับรองเท้าวิ่งประเภท Stability และ Motion Control

การย่ำเท้าวิ่งแบบ Neutral

เป็นการวิ่งย่ำเท้าแบบทิ้งน้ำหนักไปที่บริเวณส้นเท้าก่อน และผ่านฝ่าเท้า ไล่ไปจนถึงปลายเท้า ผู้ที่วิ่งแบบนี้สามารถใส่รองเท้าได้ทุกรูปแบบ

ประเภทของรองเท้าวิ่ง

รองเท้าวิ่งนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็นหลากหลายประเภท โดยรองเท้าวิ่งแต่ละประเภทนั้นถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป และเพื่อให้สามารถเลือกซื้อรองเท้าได้อย่างเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ เราต้องรู้ก่อนว่าประเภทของรองเท้าวิ่งนั้นมีอะไรบ้าง

รองเท้าวิ่งนั้นแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภทย่อย ๆ แต่หลัก ๆ แล้วการแบ่งประเภทของรองเท้าวิ่งจะแบ่งออกเป็น

1. รองเท้าทางเรียบ หรือรองเท้าวิ่ง (รองเท้าวิ่งถนน)

รองเท้าทางเรียบ หรือรองเท้าวิ่ง

รองเท้าวิ่ง Road running shoes เป็นรองเท้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้สวมใส่สำหรับวิ่งบนพื้นถนนหรือพื้นลาดยาง ในบางครั้งยังเหมาะสำหรับสวมใส่บนพื้นผิวที่ไม่ได้เรียบมากนัก แต่ก็ไม่ได้ขรุขระจนเหมือนทางลูกรัง คุณสมบัติที่โดดเด่นของรองเท้าทางเรียบ คือ มีน้ำหนักที่บางเบา มีความยืดหยุ่นสูง สามารถรองรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถรองรับข้อเท้า ช่วยเพิ่มความมั่นคงของเท้าขณะสวมใส่ได้เป็นอย่างดี เพราะต้องใช้สวมใส่บนพื้นที่มีความแข็ง

รองเท้าทางเรียบ ยังสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทย่อย ๆ คือ

1.1 รองเท้าวิ่งใส่ซ้อมทุกวัน

รองเท้าวิ่งใส่ซ้อมทุกวัน

รองเท้าใส่วิ่งซ้อมทุกวัน เป็นรองเท้าที่นักสิ่งมักใส่เพื่อวิ่งหรือซ้อมวิ่งมากที่สุด เพราะมีความเอนกประสงค์ สามารถใช้งานได้หลากหลาย เหมาะสำหรับการวิ่งเบา ๆ ที่ไม่หนักมาก หรือใช้เพื่อใส่วิ่งในระยะไกลในความเร็วที่ไม่มากนัก

รองเท้าประเภทนี้มีความรุ่มปานกลางไปจนถึงนุ่มมาก มีความแข็งแรง ทนทาน เพราะถูกออกแบบมาให้สามารถใช้สวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน และด้วยการออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้ได้อย่างครอบคลุมจึงอาจทำให้รองเท้าประเภทนี้มีน้ำหนักค่อนข้างมาก คืออยู่ที่ข้างละ 280 กรัม

1.2 รองเท้าวิ่งตัวซ้อมทำความเร็ว

รองเท้าวิ่งตัวซ้อมทำความเร็ว

รองเท้าวิ่งซ้อมสำหรับทำความเร็ว เป็นรองเท้าวิ่ง Support ที่มีน้ำหนักเบาแต่พื้นรองเท้าไม่ได้มีความนุ่มมากนัก เป็นรองเท้าที่เหมาะสำหรับใส่วิ่งเพื่อฝึกซ้อมทำความเร็ว และเมื่อต้องใส่เพื่อใช้ซ้อมวิ่งทำความเร็ว จึงทำให้รองเท้าประเภทนี้มีน้ำหนักค่อนข้างเบา คืออยู่ที่ข้างละ 200-270 กรัมเท่านั้น

ถึงแม้ว่าจะเป็นรองเท้าวิ่งตัวซ้อมเพื่อฝึกทำความเร็ว แต่นักวิ่งหลาย ๆ คนก็นิยมใส่รองเท้าประเภทนี้ในการแข่งขัน เนื่องจากมีน้ำหนักเบาแถมยังมีความนุ่มมากกว่ารองเท้าวิ่งประเภท Racing flats แต่ทั้งนี้ก็มีนักวิ่งอีกหลายคนที่เปลี่ยนจากการใส่รองเท้าที่มีพื้นนุ่มมาก ๆ มาเป็นรองเท้าประเภทนี้ที่มีความนุ่มน้อยกว่า เราจะขอแนะนำให้เริ่มจากการใส่เดินหรือวิ่งเบา ๆ เพื่อให้เท้าและข้อเท้าคุ้นชินกับพื้นรองเท้า เพื่อป้องกันการเกิดอาการบาดเจ็บขณะใส่วิ่ง

1.3 รองเท้าวิ่งตัวแข่ง

รองเท้าวิ่งตัวแข่ง

ตรงตามชื่อประเภทรองเท้า รองเท้าวิ่งประเภทนี้เป็นรองเท้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อใส่วิ่งแข่งทำความเร็วสูง แต่วิ่งในระยะทางที่สั้น ๆ ถือเป็นรองเท้าที่สามารถรองรับแรงกระแทกได้ดีเมื่อวิ่งบนพื้นถนน

รองเท้าประเภทนี้ในปัจจุบันถูกพัฒนาไปอย่างล้ำหน้ามาก ๆ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย จึงทำให้มีพื้นสูงกว่ารองเท้าประเภทเดียวกันนี้ในสมัยก่อน อีกทั้งยังมีการใส่แผ่นคาร์บอนข้างในรองเท้าที่จะเข้าไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหว ทำให้วิ่งได้ดียิ่งขึ้น รองเท้าประเภทนี้มักมีน้ำหนักเบา โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ข้างละประมาณ 150-230 กรัมเท่านั้น

รองเท้า Race day เป็นรองเท้าที่นักวิ่งจำเป็นต้องสวมใส่เพื่อให้เกิดความคุ้นชินเสียก่อนใส่วันแข่งจริง แต่ไม่นิยมนำมาใส่วิ่งในทุก ๆ วัน เนื่องจากรองเท้าประเภทนี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีความแข็งแรงทนทานมากถึงขนาดที่จะสามารถใส่วิ่งได้ในทุก ๆ วัน

รองเท้าสำหรับใส่วิ่งนั้นมีระบบรองรับแรงกระแทกที่แบ่งแยกย่อยออกได้เป็น 2 แบบ คือ

  • รองเท้าแข่งวิ่งพื้นบาง เรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่ารองเท้า Racing flats เป็นรองเท้าวิ่งที่เหมาะสำหรับการสวมใส่เพื่อวิ่งในระยะสั้น เช่น ระยะทางประมาณ 5-10 กิโลเมตร
  • รองเท้าแข่งวิ่งพื้นหนา เป็นรองเท้าวิ่งที่ถูกออกแบบมาให้มีพื้นที่หนาและนุ่มกว่า เหมาะกับการใส่วิ่งในระยะทางไกล คือที่ประมาณ 21-42 กิโลเมตร

2. รองเท้าเทรล หรือ Trail running shoes

รองเท้าเทรล หรือ Trail Running Shoes

รองเท้าเทรล เรียกในชื่อที่คนไทยรู้จักกันดี คือ รองเท้าเดินป่า เป็นรองเท้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถสวมใส่ได้ในพื้นที่ที่มีความทุรกันดาร เช่น ทางที่มีหิน มีโคลน หรือถนนที่มีความขรุขระ เป็นต้น

รองเท้าประเภทนี้มีหลากหลายรูปแบบให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าเทรลพื้นบางที่เหมาะสำหรับใส่วิ่งทำความเร็วบนพื้นที่มีความทุรกันดาร หรือรองเท้าเทรลพื้นหนาที่มีลักษณะคล้ายบูท เหมาะสำหรับการเดินป่า ปีนเขา เพราะมีคุณสมบัติในการช่วยปกป้องเท้าจากอันตรายของเศษหินและของมีคมต่าง ๆ ดังนั้น ก่อเนเลือกซื้อรองเท้าเทรล จำเป็นต้องสำรวจความต้องการในการใช้งาน และสภาพแวดล้อมขณะสวมใส่ด้วย

3. รองเท้าตะปู หรือ Spikes

รองเท้าตะปู หรือ Spikes

รองเท้าตะปู เป็นรองเท้สวิ่งที่มีรูปร่างแปลกตา อาจไม่ค่อยคุ้นตากันในหมู่นักวิ่งมือสมัครเล่น มีข้อดีที่ความเบา โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณข้างละไม่เกิน 150 กรัม ลักษณะของพื้นรองเท้าจะมีเหล็กแหลม ๆ ใต้พื้นรองเท้าเพื่อให้สามารถเกาะพื้นผิวได้ดีขณะใส่วิ่งเพื่อทำความเร็วในระยะสั้น ๆ บนพื้นผิวประเภทลู่ยาง

 

รองเท้าตะปูหรือรองเท้า Spikes ถือว่าเป็นรองเท้าที่มีพื้นแข็งมากที่สุดในบรรดารองเท้าทั้งหมด เพราะพื้นรองเท้าผลิตจากวัสดุที่มีความแข็ง รองเท้าประเภทนี้ผลิตขึ้นมาเพื่อวิ่งทำความเร็วตั้งแต่ 100 เมตร ไปจนถึง 10,000 เมตรเลยทีเดียว

 

สิ่งควรรู้ก่อนเลือกรองเท้า

ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อรองเท้าวิ่งมาสักครู่ แน่นอนว่าต้องผ่านการคัดสรรและพิจารณามาเป็นอย่างดีเพื่อให้ได้รองเท้าวิ่งที่สวมใส่ได้สบาย ซัพพอร์ตการวิ่ง และคุ้ทค่ากับราคาที่จ่ายไปมากที่สุด โดยสิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อรองเท้า มีดังนี้

ลักษณะของข้อเท้าขณะออกวิ่ง

ลักษณะของข้อเท้าขณะออกวิ่ง

Credit: proreview.co

ลักษณะเท้าของแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกันออกไปตามกรรมพันธุ์ นอกจากนี้ ลักษณะเท้าที่แตกต่างกันยังอาจทำให้ลักษณะเท้าขณะวิ่งที่แตกต่างกันออกไปด้วย ลักษณะของข้อเท้าสามารถแบ่งออกได้เป็น

  • รูปเท้าทำมุมปกติขณะวิ่ง

เท้าในรูปแบบนี้เป็นเท้าที่ทำมุมปกติขณะออกวิ่ง จึงทำให้สามารถใส่รองเท้า Neutral ที่ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่มีรูปเท้าปกติทั่วไปขณะออกวิ่ง ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป

  • รูปเท้าล้มขณะวิ่ง

เท้ารูปแบบเท้าล้มขณะวิ่งนี้ มุมเท้าจะมีลักษณะล้มเข้าด้านในขณะออกวิ่ง ซึ่งหากมีรูปเท้าล้มเยอะมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสี่ยงที่จะเกิดอาการบาดเจ็บขณะออกวิ่งได้มากขึ้นเท่านั้นจากการลงน้ำหนักขณะวิ่ง ผู้ที่มีรูปเท้าในลักษณะนี้จะเหมาะกับการสวมรองเท้าวิ่งในกลุ่ม Stability Shoe หรือ Motion Control shoe ซึ่งมีคุณสมบัติในการประคองข้อเท้าไม่ให้ล้มหรือหมุนบิดมากเกินไปขณะออกวิ่ง

  • รูปเท้าบิดออกไปด้านนอกขณะวิ่ง

รูปเท้าแบบบิดออกขณะวิ่งนั้นส่งผลให้รูปเท้าดูแบน ส่วนมากมักจะพบในผู้ที่มีอุ้งเท้าสูง ผู้ที่มีรูปเท้าประเภทนี้นั้นสามารถสวมใส่รองเท้า Neutral ได้ปกติ แต่อาจเลือกรองเท้าวิ่ง Support ที่มีคุณสมบัติในการรองรับแรงกระแทกได้ดี หรืออาจใส่ Insole เสริมก็ได้

ความกว้างของหน้าเท้า

ความกว้างของหน้าเท้า

Credit: proreview.co

ความกว้างของหน้าเท้าก็มีส่วนสำคัญในการเลือกรองเท้าวิ่ง เพราะการวัดความยาวของเท้าอาจไม่เพียงพอต่อไปในการเลือกรองเท้าวิ่งดี ๆ สักคู่ แต่จำเป็นต้องวัดความกว้างของหน้าเท้าด้วย เนื่องจากคนที่มีหน้าเท้ากว้างหากเลือกใส่รองเท้าสำหรับคนหน้าเท้าธรรมดาที่มีหน้ารองเท้าแคบ อาจทำให้วิ่งได้ไม่สนุกและอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้

การลงน้ำหนักขณะวิ่ง

การลงน้ำหนักขณะวิ่ง

Credit: proreview.co

การวิ่งนั้นสามารถลงน้ำหนักได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการลงน้ำหนักที่ส้นเท้าหรือการลงน้ำหนักที่หน้าเท้า หากคุณเป็นนักวิ่งที่ใช้ส้นลงขณะวิ่ง แนะนำให้เลือกซื้อรองเท้าวิ่งที่มี drop สูง ๆ แต่หากเป็นนักวิ่งที่ใช้บริเวณกลางเท้าหรือบริเวณหน้าเท้าลงน้ำหนักขณะวิ่ง แนะนำให้เลือกรองเท้าวิ่งที่มี Drop ต่ำ ๆ เพื่อให้การรองรับน้ำหนักและข้อเท้าเหมาะสมและไม่เกิดอาการบาดเจ็บขณะวิ่ง

 

เลือกรองเท้าวิ่งให้เหมาะกับสภาพพื้นที่วิ่ง

นอกจากรูปเท้าจะเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกรองเท้าวิ่งดี ๆ สักคู่แล้ว การเลือกรองเท้าวิ่งที่เหมาะกับสภาพพื้นที่วิ่งก็มีความสำคัญด้วยเช่นเดียวกัน เพราะพื้นผิวนั้นมีความแตกต่างกันออกไป ดังนั้น จึงควรพิจารณาจากพื้นผิวที่วิ่งบ่อย ๆ ด้วย

รองเท้าที่เหมาะกับพื้นผิวแบบถนน หรือ Indoor

พื้นรองเท้ากีฬาในร่ม

รองเท้าที่เหมาะสำหรับการใส่วิ่งบนพื้นถนนหรือพื้นเรียบ ๆ นั้นควรมีพื้นรองเท้ายางที่เรียบและไม่มีปุ่ม เพราะยางมีคุณสมบัติในการยึดเกาะกับพื้นเรียบ ๆ หรือพื้นถนนได้ดีอยู่แล้ว และไม่ต้องการปุ่มใด ๆ เพื่อความง่ายและสะดวกสบายในการวิ่ง

รองเท้าวิ่งประเภทนี้มักจะมีพื้นหนา น้ำหนักเบา สามารถสวมใส่ได้สบาย และสามารถรองรับแรงกระแทกได้ และยังช่วยให้สามารถวิ่งบนพื้นแข็ง ๆ ได้ดี

รองเท้าที่เหมาะกับพื้นผิวแบบขรุขระ หรือ Trail

รองเท้าวิ่งเทรลแต่เพียงผู้เดียว

นอกจากจะมีรองเท้าวิ่งที่วิ่งบนพื้นเรียบแล้ว ยังมีรองเท้าสำหรับใส่วิ่งบนพื้นผิวขรุขระได้อีกด้วย โดยรองเท้าประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้สวมใส่บนพื้นผิวที่มีความขรุขระ ตะปุ่มตะป่ำ หรือพื้นที่เป็นหิน ดิน โคลน

รองเท้าวิ่งประเภทนี้มักจะปุ่มที่บริเวณพื้นรองเท้าเพื่อช่วยในการยึดเกาะพื้นผิวได้ดีมากยิ่งขึ้น ตัวรองเท้ามีโครงสร้างที่แข็งแรง พื้นรองเท้าค่อนข้างนิ่ม ตัวรองเท้าสามารถป้องกันเท้าจากความไม่สม่ำเสมอของพื้น นอกจากนี้ ยังมีความแข็งแรงทนทานกว่ารองเท้าวิ่งทั่วไปเพื่อทนต่อการฉีกขาดและรอยขีดข่วนขณะวิ่ง

รองเท้าที่เหมาะกับพื้นผิวทั้ง 2 แบบ

พื้นรองเท้าสำหรับวิ่ง All Terrain

รองเท้า AllTerrain เป็นรองเท้าที่ออกแบบมาให้สามารถใช้สวมใส่วิ่งได้ทั้งบนพื้นเรียบแบบบนถนนหรือพื้นขรุขระแบบในป่า คุณสมบัติของรองเท้าจะกลาง ๆ พื้นรองเท้าจะไม่ได้เรียบไปซะทีเดียวหรือมีปุ่มเหมือนรองเท้าเดินป่าโดยตรง

 

เนื้อหารองเท้าวิ่งเพิ่มเติม:

 

แหล่งกำเนิด: Adidas, Nike, Wikipedia

  • อรรถนนท์ ทวีศิลป์
    ผู้ฝึกสอนการออกกำลังกาย

    บอยเป็นกูรูด้านการออกกำลังกายที่ Pro Review มีใบประกอบวิชาชีพด้านฟิตเนสกว่า 40 ใบจากสถาบันต่าง ๆ 9 แห่งทั่วประเทศไทย ภูมิหลังของสุดน่าประทับใจด้วยความรู้ด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย และประสบการณ์กว่า 4 ปีในการใช้ยิมและอุปกรณ์ออกกำลังกายทั่วประเทศไทย อีกทั้งยังมีประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับสินค้าและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพหลายพันรายการ คำแนะนำของบอยเป็นอะไรที่น่าเชื่อถือได้อย่างไม่ต้องสงสัย

  • ยุพาภรณ์ เสือสวน
    ผู้ฝึกสอนส่วนบุคคลและนักเพาะกาย

    จุ๋มเป็นแชมป์นักเพาะกายหญิงปี 2019, 2020 ในประเภทต่าง ๆ กว่า 30 รายการ อีกทั้งยังเป็นกูรูด้านการออกกำลังกายที่ทำงานร่วมกับเราเกี่ยวกับบทความด้านการออกกำลังกาย จุ๋มเป็นนักเพาะกายและเทรนเนอร์ส่วนตัวมา 6 ปี ได้รับถ้วยรางวัลและตำแหน่งระดับนานาชาติมากมาย และค่อนข้างมีชื่อเสียงในวงการ ในฐานะเทรนเนอร์ จุ๋มชอบช่วยเหลือผู้คนในการเรียนรู้และให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพและการออกกำลังกาย จุ๋มมีความรู้มากมายและประสบการณ์การใช้อุปกรณ์ฟิตเนส อีกทั้งยังมีเทคนิคการเลือกชุดกีฬาที่เหมาะสม เรียนรู้จากสิ่งที่ดีที่สุดจากจุ๋มได้เลย