ถ้าคุณยังลังเลว่าจะซื้อ iPad รุ่นไหนดี บทความด้านล่างนี้น่าจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
แน่นอนว่าการซื้อ iPad ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะว่าแท็บเล็ตจาก Apple เหล่านี้มีวางจำหน่ายทั่วไปตามท้องตลาด แต่การจะเลือกซื้อ iPad ให้เหมาะกับการใช้งานของคุณนี่สิ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ก็เพราะว่ามันมีหลากหลายรุ่นเหลือเกิน ทำให้การตัดสินใจของคุณยากขึ้นไปอีก
ก่อนหน้านี้ถ้าคุณอยากได้ iPad คุณก็แค่เดินเข้าร้านไปซื้อ iPad แต่ตอนนี้ถ้าคุณอยากได้ iPad เครื่องใหม่ – ไม่ว่าจะสำหรับตัวคุณเองหรือเป็นของขวัญให้ใคร – คุณจะต้องพิจารณาทั้งข้อเด่นและข้อด้อยที่แตกต่างกันไปของ iPad อย่างน้อย ๆ 4 รุ่น
เราก็เลยเขียนบทความนี้ขึ้นมา เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นจากการเปรียบเทียบ iPad 4 รุ่นหลักอย่าง : iPad, iPad Air, iPad Pro และ iPad mini
ต่อให้ iPad ทุกรุ่นมีคุณสมบัติที่ดีพอจะคว้าตำแหน่ง iPad ที่ดีที่สุดได้ แต่ iPad ที่ดีและเหมาะสมที่สุดกับความต้องการของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนใช้และใช้งานในด้านไหน
- อ่านบทความแท็บเล็ตที่ดีที่สุดแห่งปี
- กำลังเล็งแท็บเล็ตแอนดรอยด์อยู่ใช่ไหม? เราได้รวบรวมแท็บเล็ตที่ดีที่มีอยู่ ณ ตอนนี้ ไว้ที่นี่แล้ว
คุณควรซื้อ iPad รุ่นธรรมดา เมื่อ…
… คุณต้องการคุณสมบัติที่ครบถ้วนตามมาตรฐานของ iPad ในราคาถูกที่สุด
iPad ตัวแรกของโลกออกวางจำหน่ายในปี 2010 และได้รับการยอมรับในวงกว้างแทบจะทันที พร้อมกับยกระดับมาตรฐานวงการแท็บเล็ตให้สูงขึ้นไปอีก หลังจากนั้น Apple ก็พัฒนาและปล่อยแท็บเล็ตรุ่นใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่ทิ้ง iPad รุ่นมาตรฐาน ซึ่งในเดือนกันยายน 2021 ก็ได้เปิดตัวรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ปรับปรุงจากตัวเดิมเพียงเล็กน้อย (แต่เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องปรับปรุงทั้งหมด)
เราได้ รีวิว Apple iPad 9 (2021) และชื่นชมเจ้าแท็บเล็ตขนาด 10.2 นิ้วตัวนี้ไปแล้วในเรื่องของหน้าจอที่สว่างสดใส ประสิทธิภาพในการประมวลผลที่รวดเร็ว และระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวถึง 12 ชั่วโมง ถึงตัวขอบจอจะดูโบราณไปนิด โดยเฉพาะถ้าเทียบกับรุ่นที่บางและเบาอย่าง iPad Air หรือรุ่นใหญ่อย่าง iPad Pro แต่ iPad รุ่นธรรมดาตัวนี้ก็ยังถือว่าเป็นแท็บเล็ตที่ออกแบบมาอย่างดีให้ใช้งานได้ง่ายและสะดวก
จะมีเรื่องที่น่าเสียดายก็ตรงที่ใช้งานกับอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ไม่ค่อยได้เพราะดีไซน์ค่อนข้างล้าสมัย และไม่รองรับ Apple’s Magic Keyboard หรือ Apple Pencil 2 แม้ว่าคุณจะใช้งานมันกับ Apple’s Smart Keyboards หรือ Apple Pencil รุ่นแรกได้ ก็ค่อนข้างน่าผิดหวังอยู่ดีที่อุปกรณ์เสริมที่ดีที่สุดของ Apple ไม่สามารถใช้กับ iPad รุ่นพื้นฐานของแบรนด์ได้
แต่ดีไซน์แบบเก่าของ iPad ขนาด 10.2 นิ้วตัวนี้ ก็ยังมีข้อดีคือ iPad รุ่นนี้เป็นรุ่นเดียวที่ยังมีแจ็คต่อหูฟังอยู่ ทำให้คุณสามารถเสียบหูฟังคู่โปรดของคุณเพื่อตัดขาดจากโลกภายนอกในเมื่อต้องการ
และด้วยราคาเริ่มต้นที่ถูกที่สุดจาก iPad ทุกรุ่นที่ Apple วางขาย ทำให้ iPad รุ่นธรรมดาตัวนี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับซื้อเป็นของขวัญให้ใครสักคน (รวมไปถึงตัวคุณเองด้วย) โดยเฉพาะถ้าคุณอยากให้ iPad เป็นของขวัญอยู่แล้ว แต่งบไม่ถึงจะซื้อรุ่นที่บางกว่าและมีคุณสมบัติครบครันกว่าอย่าง iPad รุ่นอื่น ๆ ปัญหาเดียวที่มีก็คืออาจจะหาซื้อ iPad รุ่นใหม่ตัวนี้ยากหน่อย เพราะได้ข่าวว่าหมดเกลี้ยงแทบจะทุกที่
คุณควรซื้อ iPad mini เมื่อ…
… คุณอยากได้ iPad ขนาดเล็กที่ถือได้ด้วยมือเดียว และมาพร้อมคุณสมบัติอันทรงพลัง
iPad mini ขนาดกะทัดรัดรุ่นนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบพกแท็บเล็ตขนาดใหญ่และหนัก ซึ่ง Apple เปิดตัว iPad mini รุ่น 6 ในปี 2021 และเราได้รีวิว iPad mini 6 ไว้ว่าสามารถทำทุกอย่างได้ตามมาตราฐานจอง iPad – ไม่ว่าจะเป็นการประสิทธิภาพในการตอบสนองที่รวดเร็ว จอแสดงผลที่สวยงาม ความทนของแบตเตอรี่ และกล้องที่ยอดเยี่ยม – และมาในขนาดจิ๋วแต่แจ๋ว
ที่จริงมันมีแค่เส้นกั้นบาง ๆ ระหว่างแท็บเล็ตขนาดเล็กกับโทรศัพท์ขนาดใหญ่ หน้าจอของ iPad mini 6 มีขนาด 8.3 นิ้ว (2266 x 1488 พิกเซล) ซึ่งใหญ่กว่าหน้าจอของ iPhone 13 Pro Max ที่มีขนาด 6.7 นิ้ว (2778 x 1284 พิกเซล) เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
คุณจะซื้อ iPad mini 6 ที่รองรับการเชื่อมต่อสัญญาณ 5G มาและใช้งานมันเหมือนเป็นสมาร์ทโฟนซักเครื่องด้วยก็ได้ เพราะสมาร์ทโฟนใช้งานได้ง่ายและสะดวกเมื่ออยู่นอกบ้าน ส่วนเจ้า iPad mini 6 นั้นเหมาะที่จะใช้เพื่อพักผ่อนหย่อนใจอยู่ที่บ้านมากกว่า เพราะมันมาด้วยขนาดกะทัดรัดเพียง 7.7 x 5.3 x 0.25 นิ้ว และน้ำหนักที่ไม่ถึงครึ่งกิโลกรัม ทำให้ iPad mini 6 ใช้งานด้วยมือเดียวได้ง่าย เลยเป็นแท็บเล็ตที่เหมาะสำหรับคนรักการอ่าน (โดยเฉพาะหนังสือการ์ตูน) ชอบดูวีดีโอ และเล่นเกม
นอกจากนี้แล้ว iPad mini 6 ตัวนี้ยังรองรับฟีเจอร์ Center Stage ของ Apple เช่นเดียวกันกับ iPad ตัวอื่น ๆ ในบทความนี้ (ยกเว้น iPad Air 4) และสำหรับคนที่สงสัยว่า Center Stage คืออะไร มันคือฟีเจอร์ที่ใช้ machine learning ในการสั่งการให้กล้องหน้าของ iPad จับการเคลื่อนไหวของผู้พูดระหว่างการโทร FaceTime (ในระยะที่กำหนด) โดยอัตโนมัติ และยังสามารถตรวจจับผู้พูดที่เพิ่งเข้ามาในเฟรมได้ และจัดเฟรมใหม่เพื่อไม่ให้มีใครหลุดออกจากหน้าจอ
แต่ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายเช่นกันที่ iPad mini 6 ไม่รองรับทั้ง Smart Keyboard และ Magic Keyboard แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องใช้แท็บเล็ตจิ๋วตัวนี้ทำงานพิมพ์จริง ๆ ก็สามารถหาซื้อคีย์บอร์ดบลูทูธยี่ห้ออื่น ๆ มาใช้แทนได้ ที่น่าประทับใจคือ iPad ตัวนี้ใช้งานกับ Apple Pencil 2 ได้ เลยน่าจะเป็นที่ถูกใจของนักวาดรูปดิจิทัลหลาย ๆ คน แถมราคาเริ่มต้นก็แค่ 17,900 บาท เท่านั้น แทบถูกที่สุดในบรรดาแท็บเล็ตทั้งหมดในบทความนี้แล้ว (จะแพงกว่าก็แค่ iPad รุ่นธรรมดาเท่านั้นเอง)
คุณควรซื้อ iPad Air เมื่อ…
… คุณอยากได้ประสิทธิภาพการทำงานที่ใกล้เคียง iPad Pro ในราคาย่อมเยากว่าและรองรับอุปกรณ์เสริมรุ่นใหม่ ๆ
iPad Air 4 ที่เปิดตัวในปี 2020 เป็นหนึ่งในแท็บเล็ตรุ่นกลางตัวโปรดของเรา ที่ให้คุณสมบัติระดับเดียวกันกับ iPad Pro แต่มาในดีไซน์บางเฉียบ ถึง iPad Air 5 (2022) จะไม่ได้มีวิวัฒนาการสุดล้ำ แต่มันก็ถูกปรับปรุงมาดีเพียงพอที่จะเป็น iPad ที่ดีที่สุดสำหรับใครหลาย ๆ คนได้
และเช่นเดียวกันกับรุ่นก่อนหน้า iPad Air รุ่นล่าสุดนี้ก็ใช้งานแทนแล็ปท็อปได้อย่างสบาย ๆ เพราะคุณสามารถเชื่อมต่อมันเข้ากับ Magic Keyboard ได้ – ทำให้คุณทำทุกอย่างได้เช่นเดียวกันกับที่คุณเคยทำบน Macbook แถมยังพกพาได้สะดวกกว่าอีกด้วย และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คงเป็นเรื่องที่ว่านี่คือแท็บเล็ตตัวที่ 2 จาก Apple ที่ใช้ชิป M1 ซึ่งทำให้ iPad ตัวนี้ประสิทธิภาพในการทำงานใกล้เคียงกับ iPad Pro มากขึ้นไปอีก
iPad Air 5 ยังคงเป็นแท็บเล็ตระดับกลางที่ยอดเยี่ยมไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง iPad Air 4 มันมาพร้อมกับหน้าจอที่แสดงผลได้คมชัดและสดใสตามแบบฉบับของ iPad ประกอบกับชิป M1 ที่ทรงพลังมากพอที่จะรองรับได้แทบจะทุกการใช้งานแอปพลิเคชั่น แถมยังใช้งานร่วมกับ Apple Pencil 2 ได้อีก ทำให้แท็บเล็ตตัวนี้เหมาะสมสำหรับการนำไปใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะแบบดิจิทัลมาก ซึ่ง iPad รุ่นนี้มีขนาดใหญ่กว่า iPad mini 6 แต่ราคาย่อมเยากว่า iPad Pro
กล้องหน้าอัลตร้าไวด์ของ iPad Air รุ่นล่าสุดนี้มีความละเอียดถึง 12 ล้านพิกเซล และมาพร้อมกับฟีเจอร์ Center Stage (ที่ตอนนี้แท็บเล็ตทุกรุ่นของ Apple มี) ทำให้ถ่ายเซลฟี่ได้สวย (ถ้าคุณชอบเซลฟี่นะ) และทำให้ใช้ในการประชุมออนไลน์ได้ดีมาก ๆ ด้วย และอีกเรื่องที่ต้องพูดถึงคือการรองรับสัญญาณ 5G ทำให้โอนถ่ายข้อมูลได้ไวขึ้นมาก
ข้อเสียไม่กี่อย่างของแท็บเล็ตตัวนี้คือ ใช้งานระบบ Face ID ไม่ได้ ไม่มีรูเสียบหูฟัง และแบตเตอรี่ใช้งานได้สั้นกว่า iPad รุ่นอื่น ๆ (ใช้ได้ประมาณ 10 ชั่วโมง 9 นาที)
แต่ถ้าตัดข้อเสียเหล่านี้ทิ้งไป โดยรวมแล้ว iPad Air ตัวล่าสุดนี้คือแท็บเล็ตที่ดีที่สุดของ Apple เลยก็ว่าได้ เพราะมันมาพร้อมกับประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเลิศและราคาที่เป็นกันเอง ถ้าจะเปรียบให้เห็นภาพก็คือมีราคาแพงกว่า iPad รุ่นธรรมดาหน่อย แต่ประสิทธิภาพในการทำงานเป็นรองจาก iPad Pro แค่นิดเดียว ถ้าคุณอยากได้ iPad ที่ให้คุณสมบัติใกล้เคียงกับ iPad Pro และพร้อมจะจ่ายเงินเพิ่มอีกนิดแล้วล่ะก็ นี่ก็น่าจะเป็น iPad ที่ดีเลยสำหรับคุณ
คุณควรซื้อ iPad Pro เมื่อ…
… คุณอยากได้ iPad ที่ดีที่สุดเท่าที่มีวางขายอยู่ ณ เวลานี้
ถ้าเรื่องราคาไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณ ก็สมควรเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะซื้อ iPad Pro ซึ่ง Apple ได้เปิดตัว iPad Pro รุ่นใหม่ล่าสุดไปเมื่อปี 2021 และมีให้เลือกซื้อถึง 2 ขนาดคือขนาด 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว และทั้งคู่ก็ทำงานได้อย่างดีเยี่ยมด้วยชิป M1 แสนจะทรงพลังของ Apple เอง iPad Pro ทั้งสองขนาดนี้ (และ iPad Air รุ่นล่าสุด) เป็นเพียง iPad 2 รุ่นที่ใช้ชิป M1 ซึ่งทำมาจากวัสดุเกรดเดียวกับแล็ปท็อปที่ช่วยเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพแบตเตอรี่ของ Mac ทุกเครื่องได้อย่างน่าทึ่ง – รวมถึง Macbook Air with M1, Macbook Pro with M1 และ Mac mini with M1 ด้วย
เราเคยรีวิว iPad Pro 2021 (11 นิ้ว) ไปแล้วว่ามันคือแท็บเล็ตที่ตอบสนองไวที่สุดและใช้งานได้ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา: เพราะนอกจากชิป M1 จะช่วยให้มันมีประสิทธิภาพในการทำงานที่ยอดเยี่ยมแล้ว ยังทำให้ iPad Pro 11 นิ้วตัวนี้ใช้งานได้ยาวนานเกินกว่า 13 ชั่วโมง นานกว่า iPad รุ่นอื่น ๆ ในบทความนี้ หน้าจอ 11 นิ้ว (2388 x 1668 พิกเซล) แสดงสีภาพได้สดและตรงกับความจริง และด้วยความบางเพียงแค่ 0.23 นิ้ว ทำให้ iPad Pro 11 นิ้วตัวนี้เป็น iPad ที่บางที่สุดในบทความนี้ บางกว่า iPad Air 4 อยู่ประมาณ 0.01 นิ้ว
แต่ถ้าคุณมีงบพอจะจัด iPad Pro 12.9 นิ้วได้ นั่นก็ดียิ่งขึ้นไปอีก เพราะมันมีจอแสดงผลที่ดีกว่าทำให้มันเป็นแท็บเล็ตที่ดีงามสุด ๆ ในรีวิว iPad Pro 2021 (12.9 นิ้ว) เรายกให้แท็บเล็ตรุ่นนี้เป็น iPad ที่ดีที่สุดสำหรับคนที่พร้อมจะเปย์ ส่วนหนึ่งก็เพราะมันมากับจอภาพ Liquid Retina XDR ซึ่งจอภาพขนาด 12.9 นิ้วนี้มีแบ็คไลท์แบบ Mini-LED ต่างจาก iPad รุ่นอื่น ๆ ที่จะเป็นแค่จอ LED ธรรมดา แปลว่ามันมีความละเอียดในการแสดงผลทั้งบริเวณที่สว่างและมืดของภาพได้ดีอย่างเห็นได้ชัด
นั่นแปลว่า iPad Pro 12.9 นิ้วตัวนี้จะแสดงภาพได้ดีกว่า iPad รุ่นอื่น ๆ ในบทความนี้ แต่คุณจะเห็นถึงความแตกต่างได้ชัดเจนก็ต่อเมื่อ คุณดูคอนเทนต์ที่มีการใช้เปิดใช้งาน HDR (high dynamic range) ซึ่งออกจะหาได้ยากหน่อยบน iPad ที่พอจะมีให้ดูได้บ้างก็ใน Netflix ที่ให้คุณเลือกดูแบบ HDR ได้บนแอปสำหรับ iPad (ถ้าคุณเป็นสมาชิกแบบพรีเมียม) ส่วน Hulu ณ ตอนนี้ยังไม่มีให้ดู แต่ต่อให้ไม่มีคอนเทนต์ที่รองรับ HDR ให้คุณดู จอแสดงผลของ iPad Pro ก็ยังให้ภาพที่สวยมากอยู่ดี
นอกจากขนาดและประเภทแบ็คไลท์ของจอภาพที่ต่างกันแล้ว iPad Pro ทั้งสองนี้เหมือนกันทุกอย่าง ทั้งคู่เป็น iPad ที่มาพร้อมกล้องที่ดีที่สุด (ทั้งกล้องหน้าและหลังมีความละเอียดถึง 12 ล้านพิกเซล) โดยกล้องหน้ารองรับทั้งฟีเจอร์ Center Stage และการเข้าสู่ระบบผ่าน Face ID ได้ นอกจากนี้แล้ว เจ้าตัว iPad Pro รุ่นล่าสุดปี 2021 ยังมีลำโพงที่ให้คุณภาพเสียงดีมาก ออกจะส่งเสียงได้ดังเกินกว่าที่เราคาดหวังจากแท็บเล็ตที่บางเฉียบขนาดนี้จะทำได้ด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือทั้งคู่สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมรุ่นใหม่ ๆ ของ Apple ได้แทบจะทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Apple Pencil 2 หรือ Magic Keyboard
และแน่นอนว่าคุณต้องจ่ายราคาแพงเป็นพิเศษถ้าอยากใช้งาน iPad ที่มีคุณสมบัติสุดล้ำที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น: iPad Pro 11 นิ้วราคาเริ่มต้นที่ 27,900 บาท ส่วน iPad Pro 12.9 นิ้ว ที่มาพร้อมจอภาพแบ็คไลท์แบบ Mini-LED ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 37,900 บาท ทำให้แท็บเล็ตทั้งสองขนาดนี้กลายเป็นแท็บเล็ตที่มีราคาแพงที่สุดในบทความนี้ และถ้าคุณซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมเข้าไปอีกก็จะทำให้ราคาพอพอกับแล็ปท็อประดับกลางเลยทีเดียว แต่ถ้าคุณพร้อมจ่ายเพื่อให้ได้ iPad ที่ดีที่สุดแล้วละก็ iPad Pro 12.9 คือคำตอบที่คุณมองหาอย่างแน่นอน
iPad รุ่นไหนที่ใช่สำหรับคุณ?
สิ่งนึงที่เราอยากบอกคุณคือ iPad ทุกรุ่นของ Apple ควรค่าแก่การครอบครองทั้งหมด แม้แต่ iPad รุ่นธรรมดาที่ราคาถูกที่สุด ก็ยังมีแบตเตอรี่ที่ทน ประสิทธิภาพในการทำงานดีเยี่ยม จอภาพและกล้องก็ใช้งานได้อย่างดี ทำให้เหมาะจะเป็นของขวัญสำหรับคนที่อยากมีแท็บเล็ตไว้ใช้ท่องเว็บ เล่นเกม หรือวีดีโอคอล
หรือถ้าคุณเต็มใจจะจ่ายแพงขึ้นมาหน่อย iPad รุ่นอื่น ๆ ก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันให้คุณเลือกซื้อ ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการใช้งานในด้านไหน อย่าง iPad Air 5 ก็จะมีดีไซน์ที่บางและเบา สามารถใช้ทำงานแทนแล็ปท็อปได้ ในขณะที่ iPad mini 6 เหมาะสำหรับคนที่อยากได้แท็บเล็ตที่พกพาง่ายและใช้อ่านหนังสือได้สะดวก และถ้าคุณพร้อมจะจ่ายเต็มที่แล้วละก็ iPad Pro ทั้งสองขนาดก็มีสุดยอดคุณสมบัติที่พร้อมให้คุณได้ใช้งานมันอย่างยาวนานด้วยแบตเตอรี่สุดทน มองภาพได้สวยงามด้วยจอแสดงผลที่ดีเยี่ยม หรือถ้าคุณอยากเปย์ให้สุด ก็จัดขนาด 12.9 นิ้ว ที่มาพร้อมกับจอภาพแบ็คไลท์ Mini-Led ไปเลย
- iPad Air 4 ปะทะ iPad Air 5: รุ่นไหนที่ใช่สำหรับคุณ